xs
xsm
sm
md
lg

ปะทะ"มิกซ์ยูส"!FPTผุด'สีลมเอจ' ปั้นสังคมแซนด์บ็อกซ์แห่งใหม่ใจกลางเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ" ชิงกำลังซื้อ เปิดโฉมโครงการมิกซ์ยูสสายพันธุ์ใหม่ "สีลมเอจ" ปักหมุดหัวมุมถนนสีลมแหล่งออฟฟิศ การเงิน ที่อยู่อาศัย มั่นใจคอนเซ็ปต์โครงการชัดเจนตรงไลฟ์สไตล์ลูกค้า พร้อมเปิดบริการก.ย.ปีหน้า เผย ธุรกิจอสังหาฯเพื่อขายยังเติบโต ชี้เปิดประเทศ 1 พ.ย.ต้องดูกันยาวๆ

ถนนสีลม หนึ่งในย่านธุรกิจที่สำคัญของประเทศไทย ที่เป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เป็นย่านศูนย์การค้า ที่ตั้งอาคารสำนักงาน เป็น Wall Street การเงิน เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพฯ(BBL) มีสถาบันการเงินของต่างประเทศเปิดให้บริการ และเป็นแหล่งสถานที่ของโครงการที่อยู่อาศัยที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ และที่สำคัญ เป็น1 ใน 3 ถนนประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อการเติบโตของกรุงเทพฯ ขณะที่ ถนนสีลม ราคาที่ดิน เป็นอีกโลเคชั่น ที่ราคาแพงติดอันดับต้นๆของประเทศไทย ราคาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อตารางวา ส่งผลต่อเนื่องถึงการพัฒนาโครงการที่จะต้องคุ้มค่ากับเงินลงทุน โดยการซื้อขายที่ดินบริเวณถนนสีลมแบบขายขาด จะไม่ค่อยพบเห็นมากนัก เนื่องจากที่ดินผืนใหญ่และเหมาะกับการพัฒนาโครงการ จะเป็นรูปแบบที่เป็นกรรมสิทธิ์การเช่าเป็นหลัก ปัจจุบัน มีโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (เดิมคือ โรงแรมดุสิตธานี) ร่วมทุนระหว่างดุสิตธานีกับเซ็นทรัลฯ อยู่ระหว่างโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่า 46,000 ล้านบาท ที่จะเปิดให้บริการในเฟสแรกปี 2566

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” ผู้นำบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ที่มีแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมประเภทที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และ อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังจากความสำเร็จของ “สามย่านมิตรทาวน์” มิกซ์ยูสสมบูรณ์แบบที่สุดบนถนนพระราม 4 ล่าสุด FPT เล็งเห็นถึงศักยภาพของที่ตั้งโครงการที่อยู่หัวมุมถนนสีลม ที่เป็นสุดยอดทำเลใจกลางศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) เชื่อมต่อกับทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT นอกจากนี้ ยังเคยเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ ทำให้ถนนสีลมกลายเป็นหนึ่งในถนนเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบัน ไม่มีแลนด์แบงก์มากพอเพื่อการพัฒนาโครงการใหม่

บริษัทฯ จึงเข้าลงทุนในทรัพย์สินนี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ภายใต้ชื่อ "สีลมเอจ" (เดิมชื่้อ สีลมเซ็นเตอร์) มูลค่า 1,800 ล้านบาท นับเป็นโครงการ Re-development แห่งแรกของ FPT ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งและกระจายความเสี่ยง พร้อมเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำให้แก่พอร์ตฯคอมเมอร์เชียล โดยบริษัทฯคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565

"รายได้ที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดให้บริการของโครงการ สีลมเอจ จะเข้าไปชดเชยในส่วนของอาคารเดิมในซอยมหาเล็กหลวง ที่จะหมดสัญญาเช่ากับลูกค้าในเดือนสิงหาคมปี 65 มูลค่าที่จะเข้ามาเติมประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันยังมีรายได้เพิ่มจากดีเทลอีกส่วนหนึ่ง"

โครงการ สีลมเอจ เจ้าของที่ดิน คือ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยมีสิทธิ์การเช่า 30 ปี พื้นที่โครงการ 50,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) พื้นที่ให้เช่า 22,000 ตร.ม.(แบ่งเป็นอาคารสำนักงาน 12,000 ตร.ม.และพื้นที่ค้าปลีก 10,000 ตร.ม.) จำนวน 24 ชั้น ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการพัฒนาไปแล้วกว่า 65% และมั่นใจว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2565 อย่างแน่นอน

"ตั้งแต่เราเข้ามาดูโครงการนี้ ก็มองในเรื่อง ทำอย่างไรที่เราจะสามารถเปลี่ยนภาพพจน์ หรือ โครงสร้างที่เป็นอยู่ ให้ไปตอบสนองกับสิ่งที่เราตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปซ หรือ เทคโนโลยี ก็ดี เป็นโจทย์ที่เราจะกระทำขึ้น และท้าทายเราใน 1 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งโครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่ ความยากและความท้าทาย คือ การจะแสดงตัวต้นที่ชัดเจน อาจจะได้เป็นจุด การที่เราจะรองรับมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ จะเห็นว่าคอนเซ็ปต์จะกว้าง แต่โครงการ สีลมเอจ แม้จะเล็ก แต่มีความพิเศษ ด้วยความเล็ก ทำให้เราปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว"

นายธนพล อธิบายความต่างว่า สีลมเอจ เป็นต้นแบบโครงการ Re-development ที่นำอาคารเก่ามาแปลงเป็นมิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์แหวกแนว “The new sandbox community in CBD” ที่ปฎิวัติรูปแบบการพัฒนาอาคารแบบเดิมๆ ด้วยการคิดนอกกรอบ เปิดตัวพื้นที่แซนด์บ็อกซ์บนสุดยอดทำเล ตอบโจทย์ความต้องการของคน Gen ใหม่ในยุคดิจิทัล เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ผู้ประกอบการธุรกิจ Start-Up และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุการณ์โควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป จากเดิม การซื้อสินค้าและบริการออนไลน์กลายเป็นนิวนอร์ม อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการบนโลกออนไลน์เริ่มเห็นความจำเป็นในการขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าบนโลกออฟไลน์ ดังนั้น การมีออฟฟิศ หรือ ร้านค้าบนทำเลใจกลางกรุงเทพฯที่เดินทางสะดวก จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยสร้างแต้มต่อในการแข่งขันธุรกิจ "นายธนพล กล่าว

“เราเชื่อมั่นว่า กำลังซื้อในโซนสีลม ยังมีมหาศาล (แม้ขณะนี้ยังมีเรื่องของ WFH) เนื่องจากเป็นแหล่งรวมของที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งจากข้อมูลในวันปกติ คนที่ทำงานในบริเวณนี้มีประมาณ 700,000 คน ส่วนในวันหยุดตัวเลขอาจจะน้อยลงบ้าง แต่การมีโครงการมิกซ์ยูสบนถนนสีลม เป็นการยืนยันถึงศักยภาพของทำเล ทำให้มั่นใจได้ว่าคนจะกลับมาใช้อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกในสีลมมากขึ้น”

สำหรับภาพรวมของธุรกิจของกลุ่ม FPT นั้น กลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย ยอดขายยังไปได้ จะมีเรื่องของกำลังซื้อที่ขอสินเชื่อที่อาจมีปัญหาบ้าง แต่โครงการของเราเป็นรูปแบบแนวราบ ก็ยังคงเติบโตได้ ในกลุ่มของธุรกิจอุตสาหกรรมนั้น ผลจากโควิด-19 ทำให้ความต้องการด้านการเช่าโกดังและคลังสินค้าเติบโตตามการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ส่วนของกลุ่มธุรกิจดีเทลจะประสบปัญหาบ้างเนื่องจากต้องปิดในช่วงการระบาดของโควิด ขณะที่ธุรกิจอาคารสำนักงาน ด้วยโลเคชั่นของแต่ละอาคารสำนักงาน ทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ยังเกิน90%

"การเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ถ้ามันสามารถกลับมาได้ในเรื่องของการท่องเที่ยว จะเป็นแกนหลักให้กับธุรกิจภายในประเทศ แต่คิดว่าในช่วงต้น นักท่องเที่ยวจะกลับมาบ้าง แต่ต้องดูระยะยาว การวางแผนธุรกิจไปข้างหน้า ต้องพิจารณาในแง่ปัจจัยอื่นประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อ อัตราดอกเบี้ย และเตรียมกระแส เงินทุนรองรับไว้แค่ไหน".
กำลังโหลดความคิดเห็น