หุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,624.24 จุด บวกเพิ่มขึ้น 9.76 จุด หรือ +0.60% โบรก ฯ มองเกิดจากเทคนิคเคิลรีบาวด์จากกลุ่มพลังงาน เหตุโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน เป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานที่สำคัญ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น แนะจับตาพรุ่งนี้แกว่งกรอบ 1,610-1,630 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ปริมาณการซื้อขายกว่า 88,969.42 ล้านบาท โดยปิดตลาดที่ ที่ระดับ 1,624.24 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด หรือ +0.60% ซึ่งส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,626.44 จุด และระดับต่ำสุด 1,611.42 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 824 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง 542 หลักทรัพย์ และลดลง 873 หลักทรัพย์
ด้านมูลค่าปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์จำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศ ขายออกสุทธิ -712.69 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายออกสุทธิ -131.07 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่านักลงทุนต่างประเทศ กลับซื้อสุทธิ 600.21 ล้านบาท และ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 243.55 ล้านบาท
ในส่วนของที่หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่
1.SVT ปิดที่ 3.54 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 7,445.70 ล้านบาท
2.KBANK ปิดที่ 137.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,550.07 ล้านบาท
3.AOT ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,045.54 ล้านบาท
4.TRUE ปิดที่ 4.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,510.78 ล้านบาท
5.GULF ปิดที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,281.46 ล้านบาท
ขณะที่หลักทรัพย์ที่ติด Top Gainer 5 อันดับ ได้แก่
1.SVT ปิดที่ 3.54 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น +1.00 หรือ +39.37%
2.AJA ปิดที่ 0.64 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น +0.09 หรือ +16.36%
3.CPL ปิดที่ 2.36 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น +0.26 หรือ +12.38%
4.PPP ปิดที่ 2.74 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น +0.30 หรือ +12.30%
5.B ปิดที่ 0.95 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น +0.08 หรือ +9.20%
ส่วนหลักทรัพย์ที่ติด Top Loser 5 อันดับ ได้แก่
1.AQ ปิดที่ 0.05 บาท/หุ้น ลดลง -0.01 หรือ -16.67%
2.TEAMG ปิดที่ 3.26 บาท/หุ้น ลดลง-0.36 หรือ -9.94%
3.Wปิดที่ 3.90 บาท/หุ้น ลดลง -0.32 หรือ -7.58%
4.NVD ปิดที่ 2.78 บาท/หุ้น ลดลง -0.22 หรือ -7.33%
5.TBSP ปิดที่ 21.90 บาท/หุ้น ลดลง-1.50 หรือ -6.41%
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายบิ๊กล็อตสูงสุด 5 หลักทรัพย์แรก ได้แก่
1.AOT จำนวน 9,233,000 หุ้น มูลค่า 582.4205 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 63.08 บาท/หุ้น
2. GULF-F จำนวน 4,530,000 หุ้น มูลค่า 199.0029 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 43.93 บาท/หุ้น
3.KBANK จำนวน 785,200 หุ้น มูลค่า 100.5450 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 128.05 บาท/หุ้น
4.RAM จำนวน596,700 หุ้น มูลค่า 84.1347 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 141.00 บาท/หุ้น
5.SELIC จำนวน 20,000,000 หุ้น มูลค่า 60.8000 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 3.04 บาท/หุ้น
โบรก ฯ ชี้ แรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบ 1,610-1,630 จุด
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ มองว่าเกิดจากเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังจากลดระดับลงไปใกล้ 1,600 จุด แม้ว่าไม่มีปัจจัยบวกอะไรใหม่ๆเข้ามา ซึ่งการดีดตัวขึ้นมาจากกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน เป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานที่สำคัญ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม มองว่าในเดือน ตุลาคมนี้จะมีการเปลี่ยนกลุ่มเทรดตามไตรมาสและฤดูกาล จากกลุ่มส่งออก ย้ายไปสู่กลุ่ม Domestic play แทน และจะมีการขายหุ้น Non-Bank ไปเข้ากลุ่มแบงก์แทน ขณะที่หุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเผชิญแรงขายทำกำไรหลัง ได้รับกำไรจากปัจจัยเงินบาทอ่อนค่าไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้บวกเล็กน้อย พร้อมแนะติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯวันศุกร์นี้ และความสัมพันธ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (6 ต.ค.) มองว่าตลาด ฯ อาจจะแกว่งตัวในกรอบ 1,610-1,630 จุด
ในส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,227.06 จุด เพิ่มขึ้น 16.46 จุด หรือ 0.74% ดัชนี SET50 ปิดที่ 978.86 จุด เพิ่มขึ้น 7.64 จุด หรือ 0.79% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 544.85 จุด เพิ่มขึ้น 0.43 จุด หรือ 0.08%