xs
xsm
sm
md
lg

GBS คัดหุ้นเด่นรับอานิสงส์ปลดล็อก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยยัง Sideway Up รับข่าวบวกจีนพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ บวกแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่มสื่อสาร และพลังงาน หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,660 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ชอปหุ้นได้ประโยชน์จากการที่ศบค. พิจารณาผ่อนคลายเปิดโรงภาพยนตร์-ลดเวลาเคอร์ฟิว-ขยายเวลาเปิดร้านอาหาร

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยว่า Sideway Up จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมาเพิ่มขึ้น ล่าสุด บริษัทซื่อชวน โคลเวอร์ (Sichuan Clover) ผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สัญชาติจีนเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนระบุว่า วัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพ 79% ป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการรุนแรงทุกระดับที่เกิดจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา

รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังคงมีต่อเนื่อง โดยคาดว่าวันพฤหัสบดีนี้สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติเพื่อผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ และการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบไตรมาส 3/2564

อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่มสื่อสาร และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600-1,660 จุด

นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ เช่น สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในงาน BOT Symposium 2021 ของธนาคารแห่งประเทศไทย อียูรายงานความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน ส.ค. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือน ก.ย. และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย. และการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของโอเปกพลัส

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกาศของ ศบค.ในการผ่อนคลายเปิดโรงภาพยนตร์ อีกทั้งลดเวลาเคอร์ฟิว เป็นช่วงเวลา 22.00-04.00 น. และเปิดห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตลาด และสนามกีฬากลางแจ้ง หรือในร่มที่อากาศถ่ายเทสะดวกได้ถึง 21.00 น. ได้แก่หุ้น MAJOR, AU, ZEN, M และ CPALL

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 10 $/Oz สู่ 1,763 $/Oz โดยราคาทองคำปรับตัวลงก่อนในช่วงต้นสัปดาห์เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.33% โดยการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้ ประธานเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0% และหากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้ได้เตรียมปรับลดวงเงิน QE ในไม่ช้าส่งผลให้ทองคำลดช่วงบวกลง เนื่องจากการปรับลด QE จะทำให้อุปทานเงินดอลลาร์ลดลงส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันต่อราคาทองคำ

อย่างไรก็ตาม ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัททีเอส ลอมบาร์ด เตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้วิกฤตการณ์ทางการเงินลุกลามออกไปจนอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,730-1,780 $/Oz โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อทองคำปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน เนื่องจากเฟดเตรียมปรับลดวงเงิน QE ภายในปลายปีนี้ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง โดยในปี 2013 ที่มีการปรับลดวงเงิน QE ราคาทองคำจะปรับตัวลงและแตะจุดต่ำสุด ณ เดือนที่เฟดมีการปรับลดวงเงิน QE อย่างก้าวกระโดดในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น