หุ้นปิดเช้าบวก 2.11 จุด ดัชนีแกว่งทรงตัวกังวลจีนคุมเข้มแบงก์-พลังงานหนุน โดยมีแรงขายในกลุ่มไฟแนนซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์ สำหรับแนวโน้มการลงทุนในภาคบ่ายคาดตลาดอาจจะพักตัว
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง รับแรงขายจากหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) จากความกังวลทางการจีนได้เข้ามาคุมเข้มสกุลเงินคริปโท รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์และอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้กลุ่มไฟแนนซ์ยังรับแรงกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ปรับตัวสูงขึ้น โดย Bond yield ของไทย อายุ 10 ปี ปรับขึ้นมา 1.8% ขณะที่สหรัฐฯขึ้นมา 1.45% จากสัปดาห์ที่แล้วอยู่แถว 1.3%
อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงานที่ขึ้นมาตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้ตลาดโดยรวมยังอยู่ในลักษณะทรงตัว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน โดยยังมีความกังวลกรณีปัญหา ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ปกคลุมอยู่ แม้เช้านี้จีนจะมีการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเข้าไปอีก ทำให้ลดความกังวลได้บ้างก็ตาม
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามทางการจีนเข้าควบคุมดูแลภาคธุรกิจต่าง ๆ อีกทั้งการเลือกตั้งในเยอรมนีและญี่ปุ่น ส่วนบ้านเราให้ติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในวันนี้ และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 29 ก.ย.นี้
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,633.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.11 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.13% มูลค่าการซื้อขายราว 76,892 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไป 3 วันทำการติดต่อกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีฯเข้าใกล้แนว 1,640-1,650 จุด จึงมีโอกาสที่จะพักตัวได้
พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635-1,640 จุด