ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในวันนี้ โดยบางแห่งปิดทำการเนื่องในเทศกาลวันหยุด ทางด้านนักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ซึ่งมีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในวันนี้ โดยตลาดบางส่วนปรับตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยส่งสัญญาณเพียงว่าจะปรับลด QE ในไม่ช้านี้
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,651.27 จุด เพิ่มขึ้น 22.78 จุด หรือ +0.63% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,614.14 จุด เพิ่มขึ้น 392.6 จุด หรือ +1.62%
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (23 ก.ย.) เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง
นักลงทุนจับตาการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในวันนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ซึ่งมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน ก.ย.2568 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน มี.ค.2565
ส่วนเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) บริษัทเหิงต้า เรียล เอสเตท กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเอเวอร์แกรนด์ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นว่า บริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ในการเจรจาเกี่ยวกับแผนการชำระดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน ก.ย.2568
ขณะเดียวกัน เอเวอร์แกรนด์ยังมีดอกเบี้ยที่รอการชำระอีกในวันที่ 29 ก.ย.จำนวน 47.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน มี.ค.2567
นักวิเคราะห์เตือนว่า หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ตามกำหนด จะทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกในตลาดหุ้น เนื่องจากจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน แม้ว่าโดยหลักการแล้วบริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันหลังวันครบกำหนดชำระเพื่อหาทางจ่ายหนี้ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะถูกประกาศว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้
ทางด้านคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดวงเงิน QE ในไม่ช้าหากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบันเฟดทำ QE ในวงเงินอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
นักวิเคราะห์จากบริษัท Kingsview Investment Management กล่าวว่า เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE แต่ไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนว่าจะปรับลดเมื่อใด หรือปรับลดจำนวนเท่าใด ซึ่งท่าทีของเฟดในการประชุมล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เฟดยังไม่เร่งถอนมาตรการกระตุ้นด้านการเงินซึ่งเฟดได้นำมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 5.9% จากระดับ 7.0% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราว่างงานในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 4.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังซบเซา และยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่เฟดต้องการบรรลุเป้าหมายก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดวงเงิน QE