หลักทรัพย์บัวหลวง เผย DW01 ซีรีส์ X ภายใต้แนวคิด “Investor-Centric” โดนใจรายย่อย สะท้อนผ่านมูลค่าถือครองเดือนส.ค.64 ขยายตัว 30.78% โตต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ชูจุดเด่นอัตราทดสูง ขยับดี และค่าเสื่อมเวลาต่ำ ตอบโจทย์แบบ 2 in 1 ชี้ภาพรวมซื้อขาย DW เดือน ส.ค.สุดคึก รับดัชนี SET พุ่งกว่า 100 จุด
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ DW01 เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจเข้าลงทุน DW01 ซีรีส์ X อย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าถือครองขยายตัว 30.78% เติบโตต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เมื่อเทียบกับมูลค่าถือครอง DW อ้างอิงหุ้นรายตัวทั้งอุตสาหกรรมในช่วงเวลาเดียวกันที่เติบโต 24.85% สะท้อนได้ว่า DW01 ซีรีส์ X สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนรายย่อยได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ DW01 ซีรีส์ X ถูกออกแบบมาภายใต้แนวคิด “Investor-Centric” โดยนำความต้องการของนักลงทุนเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการออกแบบ ทำให้ DW01 ซีรีส์ X มีอัตราทดสูง ขยับตัวดี และมีค่าเสื่อมเวลาที่ไม่สูงเหมือน DW ทั่วไป ซึ่ง DW01 ซีรีส์ X บางรุ่นถือครองได้นานถึง 4-5 วันทำการกว่าราคาจะลดลง 1 ช่อง ทำให้นักลงทุนมีต้นทุนการถือครองที่รับได้ รวมถึงสามารถทำกลยุทธ์การลงทุนได้หลากหลาย โดยจะเล่นในวัน หรือจะถือรันเทรนด์ก็ได้ ถือว่า DW01 ซีรีส์ X สามารถตอบโจทย์ได้แบบ 2 in 1
สำหรับภาพรวมการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants : DW) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายบรรณรงค์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในตลาด DW กันอย่างคึกคัก เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ค่อนข้างเงียบ ตามภาวะตลาดที่มีทิศทางไม่ชัดเจน สะท้อนจากสัดส่วนมูลค่าซื้อขาย DW ต่อหลักทรัพย์ทั้งระบบที่สูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ระดับ 10.03% ขณะที่นักลงทุนมีการปรับพฤติกรรมลงทุน DW อ้างอิงหุ้นรายตัว ในอัตราทดเฉลี่ยที่สูงขึ้น 5.09 เท่า ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.66 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2564 สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนในตลาดที่สูงขึ้น
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา DW อ้างอิงหลักทรัพย์ไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็น DW ที่อ้างอิงกับ SET50 ที่มีสัดส่วนการซื้อขายเป็น 57.32% ของการซื้อขาย DW ทั้งระบบ แม้ดัชนี SET50 จะปรับตัวสูงขึ้นกว่า 8% ในเดือนสิงหาคม แต่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจลงทุนใน DW ประเภท Put สูงกว่า DW ประเภท Call คิดเป็น 64.52% และ 35.48% ของมูลค่าซื้อขาย DW ที่อ้างอิงกับ SET50 ทั้งระบบ ตามลำดับ
อันดับ 2 คือ DW อ้างอิงหุ้น KCE ที่มีสัดส่วนการซื้อขายอยู่ที่ 3.17% ของมูลค่าซื้อขาย DW ทั้งระบบ โดยมีสัดส่วนการลงทุนใน DW ประเภท Call 80.16% ของมูลค่าซื้อขาย DW ที่อ้างอิงกับหุ้น KCE ทั้งระบบ เนื่องจากราคาหุ้น KCE มีการปรับตัวขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้นักลงทุนเก็งกำไร ด้วย Call DW ส่วนอันดับ 3 คือ DW ที่อ้างอิงหุ้น DELTA ที่มีสัดส่วนการซื้อขายอยู่ที่ 2.37% ของมูลค่าซื้อขาย DW ทั้งระบบ โดยนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนใน DW ประเภท Call เป็นสัดส่วนถึง 65% ของมูลค่าซื้อขาย DW ที่อ้างอิงกับ DELTA ทั้งระบบ
“ตลาดที่เริ่มกลับมาคึกคักขึ้นเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนหลายคนมองเป็นจังหวะในการเข้าเก็งกำไรใน DW แต่สิ่งที่ต้องมาพร้อมกัน คือ ความรู้ ความเข้าใจ และวินัยในการเทรด ซึ่งถือเป็นหัวใจของการลงทุน DW ในทุกสภาวะตลาด โดยนักลงทุนควรวางแผนเทรดให้ชัดเจน จากตารางราคา DW ด้วยการกำหนด “จุดเข้า จุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุน” ทุกครั้ง ก่อนลงทุน DW เพราะจะทำให้ในระยะยาวการลงทุน DW เป็นระบบแบบแผนมากขึ้น และนำมาซึ่งผลลัพธ์การลงทุน DW ที่ดีขึ้นได้ ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถดูตารางราคาของ DW01 ทุกรุ่น และเพิ่มเติมความรู้ด้านการลงทุน DW ได้ที่เว็บไซต์ www.blswarrant.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายบรรณรงค์ กล่าว
GTG บริษัทผลิตกัญชา-กัญชงชั้นนำของไทย ยกระดับธุรกิจเปิดบริการ OEM สินค้าเครื่องสำอางทุกชนิด
ในปัจจุบัน สินค้าจากกัญชา-กัญชงได้รับความนิยมไปทั่วโลก เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถพิสูจน์ และสกัดสารจากกัญชาได้โดยปราศจากสารที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา นักวิจัยยืนยันว่า สารสกัดกัญชาปลอดภัยและมีประโยชนทางการแพทย์ต่อผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ในปี 2563 ยอดขายของสินค้าด้านกัญชา-กัญชงในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 67% แสดงให้เห็นถึงการใช้สินค้ากัญชาในชีวิตประจำวันเป็นวงกว้าง
จึงกลายเป็นเรื่องน่าจับตาในประเทศไทย เมื่อ GTG หรือ Golden Triangle Group บริษัทผู้ผลิตและพัฒนากัญชา-กัญชงชื่อดังของประเทศไทย เปิดบริการ OEM (Original Equipment Manufacturer) สำหรับสินค้าเครื่องสำอางที่ใช้สารสกัดจากกัญชา ด้วยความรู้และประสบการณ์เชิงลึกที่สะสมมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เพื่อส่งเสริมให้สินค้าเครื่องสำอางจากกัญชาและกัญชงไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก
GTG เป็นบริษัทผู้ผลิตและวิจัยกัญชาที่เริ่มต้นจากการซื้อสายพันธุ์ที่ได้รับรางวัล พร้อมทั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมาตั้งแต่ในปี 63 เพื่อค้นคว้าวิจัยหาต้นแม่พันธุ์ที่เหมาะสมกับกฎหมายไทย ซึ่งต้องมี THC ไม่ถึง 1% ในดอกแห้ง จึงออกมาเป็นเมล็ดพันธุ์กัญชงที่ชื่อว่า “Raksa” ซึ่งมี THC ไม่ถึง 1% และ CBD สูงถึง 16-18% ในดอกแห้งที่เฉลี่ยทั้งต้นตรงตามคุณสมบัติที่ข้อกฎหมายกำหนด โดย Raksa เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากสายพันธุ์ CBD ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง Cannatonic
ปัจจุบัน GTG เป็นบริษัทเดียวในเอเชียที่เป็นเจ้าของสายพันธุ์ Raksa ที่พร้อมจะผลิต CBD ซึ่งเหมาะกับภูมิอากาศและลักษณะการปลูกในประเทศไทย ล่าสุด บริษัทเดินหน้าสร้างโรงปลูกที่ได้มาตรฐาน GMP ที่เชียงรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังมีโรงปลูกที่กำลังก่อสร้างในกรุงเทพมหานครอีกแห่ง คาดว่าจะมีผลผลิตออกมาในเดือน ม.ค.65 และในอนาคตยังเตรียมส่งออกผลผลิตไปยังต่างประเทศอีกด้วย
ในด้านการให้บริการ OEM ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสารสกัดกัญชง CBD บริษัท GTG ได้จับมือเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัท ZEN Biotech โรงงานผลิตเครื่องสำอางระดับประเทศ จึงเป็นการนำความรู้ด้านกัญชาและกัญชงผสมผสานเข้ากับความรู้ด้านการผลิตสินค้าเครื่องสำอางที่หลากหลาย
นอกจากนั้น GTG กำลังจะจัดงานสัมมนาออนไลน์ครั้งที่ 2 "GTG Turnkey Solution Services จากไอเดียผลิตภัณฑ์ สู่สินค้า CBD พร้อมจำหน่ายสำเร็จในที่เดียว" ใน 22 ก.ย.64 (09.45-12.00 น.) GTG จะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการ OEM สินค้าโดยคุณคริส-กฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการของและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท GTG