นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 64 จะทรงตัวจากปีก่อนที่มีรายได้ 899.98 ล้านบาท แม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ภาครัฐบาลใช้มาตรการปิดเมือง (Lockdown) และมาตรการปิดแคมป์คนงาน แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์การต่างๆ ได้เริ่มคลี่คลายแล้ว จึงเชื่อว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น
ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ราว 1,200 ล้านบาท เป็นงานจากภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีจำนวนงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการลดความเสี่ยงการรับเงินค่าจ้างในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 70-80% ของมูลค่างานทั้งหมดใน Backlog ในขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานโครงการจากภาครัฐบาลที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมมูลค่างานที่จะเข้าประมูลกว่า 3,500 ล้านบาท คาดว่าผลจะทยอยออกมาในช่วงที่เหลือของปีนี้
นายจตุรงค์ กล่าวว่า บริษัทยังคงกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 6% และบริษัทยังดำเนินนโยบายบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble & Seal) เพือ่ที่จะป้องกันการติดเชื้อภายในโครงการก่อสร้างของบริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 2 ปี ถือว่าการป้องกันการติดเชื้อของบริษัททำได้ค่อนข้างดี จากพนักงานทั้งหมดที่มี 230 คน มีผู้ติดเชื้อเพียง 3 คนเท่านั้น
"ก่อนหน้านี้เราคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะกลับไปสู่ระดับปกติได้แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมารุนแรงอีกครั้ง จึงเห็นว่ารายได้ในครึ่งปีแรกลดลง แต่เราได้มีการปรับตัวปรับกลยุทธ์ต่างๆ ให้เข้ากับสถานการณ์ และเราตั้งเป้าที่จะรักษาผลประกอบการให้ใกล้เคียงกับปีก่อนแม้จะมีผลกระทบจากโควิด-19 เข้ามาช่วงสั้นๆ ก็ตาม" นายจตุรงค์ กล่าว