"ดีโอดี ไบโอเทค" เดินเกมรุก ต่อยอดธุรกิจ "พืชกระท่อม" เล็งศึกษาวิจัยและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มประเภทลดอาการบรรเทาความเจ็บปวด และกลุ่มเอเนอร์จี ดริงก์ พร้อมลุยหาก “อย.” ไฟเขียวให้ยื่นใบอนุญาต เตรียมจ่อเดินเครื่องผลิตผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อม เจาะตลาดต้นปี 2565 ทันที
นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า หลังจากราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2564 ยกเลิก “พืชกระท่อม” จากยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 สู่พืชเศรษฐกิจที่ไม่ผิดกฎหมาย ล่าสุด บริษัทฯ มีความพร้อมในการนำ “พืชกระท่อม” มาสกัดสารสำคัญเพื่อมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยกลุ่มบริษัท DOD มีโครงสร้างการบริหารงานที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำด้านความเชี่ยวชาญในการผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ที่นำสารสกัดจากพืชสมุนไพรไทยมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีศักยภาพระดับต้นๆของประเทศ รวมถึงมีบริษัทในเครืออย่าง บริษัทสยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (SHT) ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา พืชกระท่อม และพืชสมุนไพรไทยที่มีขนาดใหญ่และมีคุณภาพการสกัดสูงสุดที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ภายใต้ทุนจดทะเบียน 260 ล้านบาท
โดยโรงสกัดดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมนี้ 2564 ซึ่งจะสามารถสกัดสารสกัดจากสมุนไพรไทยได้ในหลากหลายรูปแบบ โดยพืชกระท่อมจะเป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรชนิดต้นๆ ที่บริษัทฯ จะนำเข้ามาสกัดเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ในการผลิตและจำหน่ายให้ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ในช่วงที่ผ่านมา DOD ดึงพันธมิตรระดับโลก อย่างบริษัท MFUSED Group ซึ่งเป็นผู้นำด้านการสกัดและวิจัยพัฒนากัญชง-กัญชา และพืชสมุนไพรรายใหญ่ที่สุดในเมืองซีแอตเทิลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้สิทธิเข้ามาถือหุ้น 18% ในบริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด ซึ่ง MFUSED Group จะนำ Know-How ทั้งวิธีการทางเทคนิค วิทยาการความรู้ รวมถึงเทคนิคการนำสารสกัดมาวิจัยและพัฒนา เพื่อนำมาแปรรูปในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้แก่ SHT ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวสามารถช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งและศักยภาพทางธุรกิจเรื่องการสกัดได้อย่างมีนัยสำคัญ”
นายธนิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาและวิจัยพืชกระท่อม ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย 2 แห่ง เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผลิตและจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ เนื่องจากเล็งเห็นถึงประโยชน์ของพืชกระท่อม ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ มีสรรพคุณทางยาที่มีสารสำคัญ เรียกว่า ไมทราไจนีน (Mitragynine) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เชื่อว่าสามารถลดอาการปวด กดความรู้สึกเมื่อยล้าขณะทำงาน ช่วยให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า ซึ่งจากปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้กำหนดให้สามารถนำพืชกระท่อม มาทำเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น ยา อาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้
ดังนั้น หากทาง อย.ไฟเขียวให้ยื่นขอใบอนุญาตในการผลิตผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อม ทาง DOD ก็พร้อมที่จะดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปออกมาจำหน่ายในช่วงต้นปี 2565 ได้ทันที โดยผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาในขณะนี้จะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทลดอาการบรรเทาความเจ็บปวด และผลิตภัณฑ์กลุ่มเอเนอร์จี ดริงก์ ซึ่งตรงกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทาง อย.กำหนด
อีกทั้งยอมรับว่า หลังจากมีการปลดล็อกพืชกระท่อมในช่วงที่ผ่านมา มีกลุ่มลูกค้าหลายราย ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และผู้ประกอบการทั่วไปเข้ามาหารือเพื่อศึกษาและร่วมกันพัฒนาสูตรในการผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพืชกระท่อมอย่างต่อเนื่อง
"ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ศึกษาแนวทางการพัฒนาสารสกัดจากพืชกระท่อมมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว รวมถึงมีกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูก การขนส่ง รวมถึงช่องทางการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่คอยเสริมช่องทางธุรกิจให้มีความหลากหลายและครบวงจรมากยิ่งขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีความพร้อมที่จะเดินเกมรุกธุรกิจพืชกระท่อมต่อยอดจากธุรกิจกัญชง-กัญชา โดยผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ จะเจาะตลาดผู้บริโภคในกลุ่มแรกๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่ลดอาการบรรเทาความเจ็บปวด และผลิตภัณฑ์กลุ่มเอเนอร์จี ดริงก์ ซึ่งบริษัทฯ มองว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน ดังนั้น หาก อย. พร้อมให้ยื่นขอใบอนุญาตเมื่อไร DOD สามารถเดินหน้าลุยผลิตสินค้าให้ลูกค้าได้ทันที" นายธนิน กล่าว