ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้าโค้งมาสู่ครึ่งหลังของปี 2564 (ก.ค.-ธ.ค.) ซึ่งการทำธุรกิจภายใต้ความกดดันของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ยิ่งเป็น “โจทย์” ท้าทายต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน360” ถึงแนวโน้มของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ว่า เรื่องของตัวเลขจริงๆ แล้ว อยู่ที่ Mindset ของแต่ละคน
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ พอจะมีสัญญาณที่จะให้กำลังใจเราบ้างหรือไม่นั้น นายโอภาส กล่าวว่า ปีที่แล้วกับปีนี้ ผมว่าปีนี้ (2564) ภาคอสังหาฯ หนักกว่าปีที่แล้ว (2563) เนื่องจากปีที่แล้วช่วงกลางปีเรื่องโควิด-19 ผ่านมาจนถึงปลายปีเริ่มเบาๆ ลง แต่ปีนี้ โอ้โห หนัก หนักมาก และแรงกว่าปีที่แล้ว
“ตอนนี้คนก็เหมือนฟางเส้นสุดท้าย ถ้ายังไม่ดีขึ้น บ้านเมืองจะแย่ และต้องมาดูกันว่าเรื่องของการติดเชื้อ หลังจากนี้ไปผลของมันจะหนักหนาสาหัส บริษัท ร้านค้าปิดไปเยอะ คนตกงานจะเยอะขึ้น เป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ กระทบทุกภาคธุรกิจ ยิ่งคนตกงาน คนไม่มีกำลังซื้อ เศรษฐกิจจะซึมและลากยาว ตอนนี้ เห็นภาพสองกลุ่ม คือ กลุ่มคนระดับล่าง ลำบากมาก แต่กลุ่มคนระดับกลางถึงบนไม่ค่อยลำบาก ยังพอไหว ซึ่งเราจะเห็นว่าบางธุรกิจพอไปได้ บางธุรกิจก็พับไปเลย”
แต่สิ่งที่เรายังพอเห็นความหวังอีกตัวหนึ่ง คือ คนที่พอมีกำลังซื้อ แต่มีความกังวลกับภาวะปัจจุบัน แต่เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย คนเริ่มลดความหวาดวิตกกังวล กลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงกับภาวะปกติ จะทำให้ “ดีมานด์” ที่รออยู่กลับมา จะทำให้มีดีมานด์มากพอสมควร ซึ่งเป็นความคาดหวังให้เป็นเช่นนั้น
“ผมเชื่อว่าตอนนี้คนอัดอั้น ออกจากบ้านไม่ได้ โดยพฤติกรรมของคนแล้วทุกคนอยากออกจากบ้าน ออกไปท่องเที่ยว ถ้าทุกอย่างคลี่คลาย ปลดล็อกได้ เดินทางได้คนจะแห่ออกไปท่องเที่ยว ตอนนี้เหมือนโดนขังคุกอยู่”
แนะรัฐยืดมาตรการลดค่าโอน-ภาษีอสังหาฯ บรรเทาปิดแคมป์-ลดความเสี่ยง ‘สต๊อก’
ถามว่า ประเด็นที่คิดว่าจะพอสะท้อนเสนอต่อภาครัฐในระยะสั้นนั้น นายโอภาส กล่าวว่า จริงๆ ตอนนี้มีอยู่เรื่องเดียว อันเป็นผลจากการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง (ชั่วคราวตลอดเดือนกรกฎาคม 64) ก็คือ พอปิดแคมป์คนงาน งานก่อสร้างก็ต้องหยุดไป 1 เดือน ซึ่งจะมีผลต่อโครงการที่ต้องส่งมอบในปี 2564 แต่โดนผลจากการปิดแคมป์คนงาน ทำให้โครงการต้องเลื่อนออกไปปี 2565 แต่ว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ในเรื่องของมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองอสังหาฯ เหลือรายการละ 0.01% ที่จะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 24 ธันวาคม 64 นั้นอาจพิจารณาขยายให้อย่างน้อยสัก 1 เดือน (ชดเชยปิดแคมป์) ไปสิ้นสุดมาตรการอีกครั้งในสิ้นเดือนมกราคม 2565 ซึ่งผู้ซื้อจะได้รับประโยชน์
แต่ถ้าไม่มีการขยายมาตรการตรงนี้ เวลาที่ปิดแคมป์คนงานไปช่วงเดือน ก.ค.นั้น จะทำให้ทั้งดีเวลลอปเปอร์ และผู้ซื้อเสียประโยชน์
ส่วนเรื่อง "ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" นายโอภาส มองว่า ถ้าเป็นไปได้ขยายออกไปอีกสัก 1 ปี พอจะช่วยบรรเทาในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้ ตอนนี้ภาคอสังหาฯ แบกสต๊อกกันอ่วมเลย ถ้ายืดตรงนี้ไปได้ก็โอเค อนึ่ง ปัจจุบัน ภาครัฐมีการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตรา 90% โดยเรียกเก็บ 10% ให้สิ้นสุดในปี 64 ตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประเทศ
"เป็นไปได้ถ้าลดหย่อนเรียกเก็บร้อยละ 10 ไปอีก 1 ปี (สิ้นสุด 2565) จะช่วยบรรเทาภาระของผู้ประกอบการไป มันเยอะนะครับ แพง เป็นเงินหลายสตางค์"