xs
xsm
sm
md
lg

LEO ผนึกกำลัง Cardinal UK ตั้ง บ.ลุยโลจิสติกส์ทั่วโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์" ร่วมทุนกับ Cardinal UK ตั้ง “บริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย)” เน้นการพัฒนาและขยายธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศอังกฤษ ยุโรปเหนือ เอเชีย ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดย LEO ถือหุ้น 51% เตรียมเปิดให้บริการในเดือน ต.ค.นี้ พร้อมบุ๊กรายได้เข้าในไตรมาส 4/64 ทันที

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ร่วมลงทุนกับ Cardinal UK ได้ดำเนินการเสร็จสิ้น โดยมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และ LEO ถือหุ้นสัดส่วน 51% ที่เหลือ 49% เป็นของ Cardinal SG ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Cardinal UK ในประเทศสิงคโปร์ และได้มีการโอนเงินลงทุนเข้ามาเพื่อจัดตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้ว พร้อมให้บริการในเดือนตุลาคม 2564 และทำให้สามารถรับรู้รายได้ของทั้งไตรมาส 4 ทั้งหมดเข้ามาในงบของ LEO ด้วย

โดยบริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) จะเน้นการให้บริการโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ด้วยการพัฒนาและขยายตลาดในประเทศอังกฤษและยุโรปเหนือที่เป็นจุดแข็งของกลุ่ม Cardinal เพื่อเป็นการต่อยอดและขยายธุรกิจในตลาดอังกฤษ และยุโรปเหนือให้เพิ่มมากขึ้น เพราะCardinal UK เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมามากกว่า 20 ปี มีฐานลูกค้าที่มีการนำเข้าสินค้าจากไทยจำนวนมาก และมีเครือข่ายที่กว้างขวางในทวีปยุโรปและโอเชียเนีย (ออสเตรเลีย) ซึ่งจะเพิ่มปริมาณธุรกิจและลูกค้าให้บริษัทฯ มากกว่า 1 เท่าตัว

“การที่ LEO ร่วมมือกับ Cardinal UK จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) ในครั้งนี้ เป็นการนำจุดแข็งของทั้ง 2 องค์กรใน 2 ทวีป มาพัฒนาการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางให้ครบวงจรมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการให้บริการโลจิสติกส์ของ LEO ให้ครอบคลุมทั่วโลกมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน Cardinal Group มีสำนักงานกว่า 22 สาขาในประเทศหลักๆ ทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป จีน เวียดนาม สิงค์โปร์ และแอฟริกาใต้ และจะสามารถทำให้ LEO เพิ่มจำนวนตู้ในการส่งออกและนำเข้าจากประเทศไทยกับกลุ่ม Cardinal Group นี้ได้อย่างน้อยอีก 100% หรือเท่ากับมีปริมาณตู้เป็น 4,000 ตู้ต่อปีในปี 2565” นายเกตติวิทย์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น