xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนระดมสรรพกำลังสู้โควิด อสังหาฯผุดศูนย์พักคอยช่วยแรงานและชุมชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้จะประกาศล็อกดาวน์มาแล้ว 1 เดือนเศษ แต่สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 ยังคงไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกลับกัน สถานการณืยังมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เพราะดูจากยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันแล้วจำนวนผู้ติดเชื่อยังไม่มีวี่แววจะลดลงแถมยังมีทิศทางจะเพิ่มขึ้นด้วย โดยสถานารณ์ล่าสุด เมื่อ 22 ส.ค. ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น 19,014 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในช่วงการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน 1 เม.ย. - 22 ส.ค.64 มีจำนวนสะสมอยู่ที่ 1,020,432 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 9,226 ราย

จากจำนวนยอดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ และเกิดภาวะผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล จนรัฐบาลต้องเปิดโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยใหม่ แต่กะนั้นเตียงพยาบาลก็ยังไม่พอรองรับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกวัน ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อที่รุนแรง โดยเฉพาะกทม.และจังหวัดปริมณฑล ขณะเดียวกันก็พยายามออกมาตรการคุมเข้มเพื่อลดการแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรม และแคมป์คนงานก่อสร้าง หลังจากเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19ในแคมป์คนงานก่อสร้าง ทำให้ในช่วงก่อนหน้านี้รัฐต้องประกาศล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้างนานถึง 1 เดือน


ซึ่งจากการการล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้างทำให้เกิดการชะงักงันของอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อย่างหนัก จนเกิดกระแสเรียกร้องจากผู้ประกอบการอสังหาฯและธุรกิจก่อสร้าง ให้รัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนมาตรการให้เมาะสมกับกรณีการแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ ซึ่งหลังจากการปลดล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง กระแสการตื่นตัวในการวางมาตการคัดกรองป้องกัน และแก้ปัญหาการแพร่ระบาดในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาฯมีความเข้มงวดและจริงจังมากขึ้น เพราะประสบการณ์จากการถูกปิดแคมป์ก่อสร้างครั้งก่อนทำให้ทุกรายไม่อยากให้เกิดกรณีการปิดแคมป์เกิดขึ้นอีก

ประกอบกับภาวะการขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้น ทำให้ปัจจุบันบริษัทอสังหาฯพยายามดูแล และตรวจคัดกรองป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด โดย ณ ปัจจุบันมีหลายค่ายอสังหาฯมีการจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อดูแลแรงงานที่ติดเชื้อระหว่างรอโรงพยาบาลรับตัวไปรักษา และยังได้นำระบบ“Bubble & Seal” มาใช้ในการตรวจคัดกรองและแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ที่ไม่ติดเชื้อ เพื่อป้องกันการเพื่อกระจายเชื้อในแคมป์ก่อร้างและในองค์กร รวมไปถึงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รอบข้างแคมก่อสร้าง หรือ ในชุมชนใกล้เคียง


ทั้งนี้ บริษัทอสังหาฯหลายๆรายเริ่มตื่นตัวและทยอยเปิดศูนย์พักคอยและสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) บริษัทHolding Company ภายใต้เครือทีซีซีกรุ๊ป (TCC Group) ได้ผนึกกำลังพันธมิตรเปิดตัวโครงการ“AWC ร่วมรวมพลังไทยสู้สู้” จัดตั้ง “ศูนย์พักคอย” ผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อบรรเทาวิกฤตขาดแคลนเตียงผู้ป่วย โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาล พร้อมพันธมิตรองค์กรชั้นนำร่วมกันจัดตั้ง“ศูนย์พักคอย” (Community Isolation) ภายในศูนย์การค้าส่งAECTrade Center ประตูน้ำพระอินทร์ ณ เทศบาลตำบลพระอินทราชา จังหวัดพระนครศรีอยุธยารองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่ไม่แสดงอาการ จำนวน 200 เตียง ภายใต้ “โครงการ AWC ร่วมรวมพลังไทยสู้สู้”


ด้านบริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาอสังหาฯ เป็นอีกค่ายบริษัทที่ประกาศรับมือโควิดเข้ม!! ด้วยการจัดหาวัคซีนฉีดให้พนักงานและคนงานทุกคน พร้อมออกมาตรการเข้มงวดภายในสำนักงานและแคมป์คนงานก่อสร้างเพื่อดูแลและป้องกันพนักงานและคนงานก่อสร้างทุกแคมป์งานก่อสร้างโดยล่าสุดได้จัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ฯ ได้แล้ว1,600 โดส และได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกรมควบคุมโรคอีกส่วนหนึ่งเพื่อฉีดให้กับพนักงานและคนงานในแคมป์งานก่อสร้างทั้งคนไทยและคนงานต่างด้าวทั้งหมดรวมทั้งออกมาตรการในการควบคุมการปฎิบัติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ตามคำแนะนำของ กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ทีมงานทุกคนทำงานด้วยความปลอดภัย


ส่วนสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทอสังหาฯมากที่สุดก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้ผนึกกำลังกับเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ไทยและสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร จัดตั้ง “ศูนย์พักคอยเขตราษฏร์บูรณะ (Community
Isolation Center)” โดยใช้สถานที่จาก บมจ. ศรีไทยชุปเปอร์แวร์ และได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลประชาพัฒน์,
มหาวิทยาลัยมหิดล คณะสาธารณสุขศาสตร์, ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (YMID), มหาวิทยาลัยเทคโลโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี,บมจ.เมืองไทยประกันภัย และมูลนิธิมาดามแป้ง ในการเพิ่มเตียงช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19ให้เข้าถึงการรักษากว่า 200 เตียง

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด (MQDC) คือหนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาฯที่มีการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามเพื่อบรรเทาปัญหาวิกฤตเตียงพยาบาลขาดแคลนเป็นการร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐ ร่วมกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 450 เตียง รับผู้ป่วยระดับสีเขียวและสีเหลือง ภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลแสงแห่งใจ"ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรและผู้สนับสนุนกว่า 30 องค์กร อาทิเช่น มูลนิธิเอสซีจี (SCG) ได้ให้การสนับสนุนเตียงกระดาษจำนวน 600 เตียง


ด้านบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) ได้จับมือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) เพื่อปรับพื้นที่โรงงานเป็นศูนย์พักคอย รองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวในพื้นที่อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง โดยร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพรและ โรงพยาบาลปลวกแดง ส่งมอบอาคารโรงงาน ภายในนิคมฯ อมตะซิตี้ ระยองให้แก่ จังหวัดระยองเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดตั้งศูนย์พักคอยสำหรับรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวจำนวน 309 เตียง เพื่อให้บริการมาตรฐานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แก่ชุมชนโดยรอบ

ขณะที่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ได้ร่วมกับ บริษัท พลัสพร็อพเอร์ตี้ จำกัด จัดตั้งโครงการHomeIsolationและ เฝ้าระวังการระบาดอย่างใกล้ชิด พร้อมกับประเมินสถานการณ์และวางแผนรับมือด้วยการออกมาตรการที่เข้มข้นเพื่อดูแลครอบครัวแสนสิริมา โดยล่าสุดแสนสิริได้ทุ่มงบกว่า100 ล้านบาท ช่วยเหลือ 4 เสาสังคม ลูกค้า-พนักงาน-ผู้ถือหุ้น-สังคม ภายใต้โครงการ “No One Left Behind” #แสนสิริไม่ทอดทิ้งใคร เพื่อสังคมจะต้องรอดไปด้วยกันโดยในส่วนของลูกบ้าน แสนสิริขานรับมาตรการHome Isolation ได้มีการร่วมผนึกกำลังกับพลัสพร็อพเพอร์ตี้ ในการดูแลและอำนวยความสะดวกลูกบ้านกว่า 85,000 ครัวเรือน


ขณะที่บริษัท อนันดาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้รวมกับ แฟลช และ บิทคับ หาแนวทางในการช่วยเหลือเพื่อต่อลมหายใจของผู้ป่วยโควิด19 ด้วยการมอบเครื่องช่วยหายใจแบบHighFlow จำนวน 30 เครื่องแก่ 15 โรงพยาบาลที่ขาดแคลนในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม ประกอบด้วยโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดีโรงพยาบาลเด็ก โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชโรงพยาบาล ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลบางกรวย โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า โรงพยาบาลสมุทรสาครโรงพยาบาลบ้านแพ้ว โรงพยาบาลพานทอง


ส่วน บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เป็นอีกหน่วยงานที่ส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะในส่วนของชุมชน และองค์กรภาครัฐ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหา โดยไทวัสดุได้จัดสรรงบประมาณ เพื่อสนับสนุนงานสาธารณสุขของชุมชน ทั้งในรูปแบบการมอบเงินสมทบ รวมถึงมอบอุปกรณ์ที่จำเป็นเร่งด่วนต่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 และล่าสุดไทวัสดุในเขตพื้นที่จังหวัดอยุธยา ได้ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่นจัดตั้งศูนย์พักคอย ณ โรงเรียนวัดสุคันธาราม ต.บ่อตาโล่ อ.วังน้อย จ.อยุธยา โดยทีมงานไทวัสดุ จัดตั้งศูนย์พักคอย พร้อมขนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการรองรับผู้ป่วยสีเขียวจำนวน 80 เตียง จนแล้วเสร็จ พร้อมให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยฯ


ด้านบริษัท ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ประกาศขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ขาดโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และช่วยเหลือคนในชุมชน ผ่านโครงการ “You can save รวมใจแบ่งปัน 100 โรงพยาบาล ทั่วไทย” ให้ผู้ที่จองโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านทุกแบรนด์ในเครือออริจิ้นได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลจากตัวจังหวัดจำนวน 100 โรงพยาบาล ทั่วประเทศไทย จากการจองในทุก ๆ 1 ยูนิต จะร่วมสมทบทุนให้กับโครงการ“You can save รวมใจแบ่งปัน 100 โรงพยาบาล ทั่วไทย” จำนวน1,000 บาท เพื่อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่แต่ละโรงพยาบาลขาดแคลน อาทิ เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้ารถส่งตัวผู้ป่วย รถเข็น เตียงขนย้ายผู้ป่วย เครื่องมืออุปกรณ์พื้นฐาน ฯลฯ ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความห่วงใยด้านการรักษาสู่พี่น้องในชนบทได้ตั้งแต่วันนี้-15 ต.ค. 64


ขณะที่ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) ได้เปิดอาคาร “ลุมพินี ทาวเวอร์วิภาวดี” เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 แคมป์คนงานต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนสำนักงานประกันสังคมกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน และ โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4 เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 แคมป์คนงาน “ลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี” เพื่อใช้เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนให้กับแรงงานก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 9-31 ส.ค. โดยศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 แคมป์คนงาน “ลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี” เปิดบริการฉีดวัคซีนต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. โดยมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานก่อสร้างทั้งชาวไทยและชาวต่างด้าวจากแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา 33 และผ่านการลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมโดยตั้งเป้าฉีดให้ได้วันละ1,500 คน


ขณะที่บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน) ซึ่งดำเนินการภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING’ ประกาศตัวขอเป็นส่วนหนึ่งในการเอ็มพาวเวอร์การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านแคมเปญ‘เอพี เซฟชีวิต เซฟสังคม -SAVE LIVES,PROTECT PEOPLE’ ร่วมเซฟชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยการส่งมอบเครื่องผลิตออกซิเจนด้วยอัตราการไหลสูง(High Flow Oxygen Therapy) อุปกรณ์จำเป็นและสำคัญยิ่งในขณะนี้จำนวน 5 เครื่อง เพื่อช่วยเหลือและรักษาผู้ป่วย โควิด-19 ขั้นรุนแรง ให้กับโรงพยาบาลรัฐในพื้นที่สีแดงเข้ม3 แห่ง ได้แก่ สถาบันประสาทวิทยา โรงพยาบาลสงฆ์ และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีเพื่อเอ็มพาวเวอร์ให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตเชื้อโรคร้ายไปด้วยกัน

การรวบรวมสรรพกำลังของบริษัทอสังหาฯ เข้าช่วยเหลือประชาชนและแรงงานก่อสร้างในครั้งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในการลดภาระและช่วงแบ่งเบาปัญหาการขาดแคลนเตียงพยาบาลให้กับโรงพยาบาล และยังลดภาระให้กับทีมแพทย์และพยาบาลซึ่งเป็นหน่วยงานด่านหน้าที่ทำงานอย่างหนักในเวลานี้ ขณะเดียวกันยังช่วยดูแลประชาชนผู้ติดเชื้อและไม่มีสถานที่พักคอยก่อนได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น