SET Index วันนี้ (23 ส.ค.) ปิดพุ่ง 28.89 จุด หรือ 1.86% อยู่ที่ 1,582.07 จุด หลังยอดผู้ติดเชื้อในประเทศลดต่ำกว่า 2 หมื่นคน ในรอบหลายวัน บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่ำกว่าผู้รักษาหายใหม่ สนับสนุนความคาดหวังการคลาย Lockdown ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเปิดเมือง ชู MAJOR-COM7-M เป็น Top Pick ขณะที่ FTSE ลดน้ำหนักหุ้นไทย 40-50 ล้านเหรียญ พร้อมส่องหุ้นเข้ารอบใหม่ 17 ก.ย.นี้
หุ้นพุ่งแรง 28 จุด รับข่าวยอดติดเชื้อลดลง
ตลาดหลักทรัพย์ วันนี้ (23 ส.ค.) SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขาย หลังจากยอดติดเชื้อใหม่ผู้ป่วยโควิด-19 ลดลงมาอยู่ที่ 17,401 คน ขณะที่มีผู้ป่วยหายเพิ่ม 22,134 คน รวมหายป่วยสะสม 834,344 คน อยู่ระหว่างการรักษา 195,454 คน และเสียชีวิตเพิ่ม 242 คน
โดย SET Index SET ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,583.13 จุด ก่อนปรับลดลงเล็กน้อยปิดที่ 1,582.07 จุด เพิ่มขึ้น 28.89 จุด หรือ 1.86% มูลค่าการซื้อขาย 114,563.50 บาท
ASPS เชียร์หุ้นเปิดเมือง MAJOR-COM7-M
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่ำกว่าผู้รักษาหายใหม่ ช่วยสนับสนุนความคาดหวังการค่อยๆ คลาย Lockdown ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเปิดเมือง ทั้งนี้ ในช่วง 3 ทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นมา 0.58% และหากพิจารณาลงไปเป็นราย Sector พบว่า มีกลุ่มหุ้น Reopening หรือเปิดเมืองเริ่มกลับมาฟื้นตัวเด่น และหนุนตลาด เช่น กลุ่ม FIN เพิ่มขึ้นมากสุด +3.7% TRANS +3.5% MEDIA +3.2% CONS +2.8% และ TOURISM +2.4% เป็นต้น
นอกจากนี้ ความคาดหวังตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มชะลอลงแบบค่อยเป็นค่อยไปหนุนให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวที่ลงมาลึกกลับมาได้รับความสนใจมากขึ้นอีกครั้ง ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหาหุ้นพื้นฐานดีที่ปรับฐานลงมาลึกจนน่าเข้าไปเก็บสะสมอีกครั้ง โดยผ่านเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้ 1.หุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” 2.มี Upside และ 3.ปรับฐานลงมาลึกเกิน 10% ในช่วงกังวลโควิด-19 ระลอกใหม่ (15 มิ.ย.-20 ส.ค.64)
จากนั้นคัดกรองต่ออีกชั้นหนึ่งเพื่อเลือกเฉพาะหุ้นที่ฟื้นขึ้นมาเร็วในอดีตยามที่โควิด-19 ผ่อนคลาย คือ MAJOR, STEC, CRC, PYLON, AOT, CPN, PLANB โดย Toppick เลือก MAJOR และยังชื่นชอบ COM7, M
ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19 ในไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวกมากขึ้น สังเกตได้จาก
1.ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่ำกว่าผู้รักษาหายอย่างชัดเจน : ข้อมูลล่าสุดวันที่ 23 ส.ค.2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,491 ราย (ต่ำสุดในรอบ 24 วัน) ต่ำกว่าจำนวนผู้รักษาหายที่ 22,134 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายใหม่มี 242 ราย ซึ่งไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ โดยภาพรวมแล้วช่วยให้จำนวนผู้เข้ารักษารายใหม่ปรับลดลง 4,485 ราย ส่งผลให้ปัจจุบันไทยมีจำนวนผู้ที่อยู่ระหว่างรักษา (Active case) ลดลงเหลือ 195,454 ราย ต่ำกว่าระดับ 2 แสนรายเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 เดือน
2.แพทยสมาคมคาดคาดทิศทางผู้ติดเชื้อไทยผ่านจุด Peak ลดลง : แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไทยกำลังอยู่ในแนวโน้มขาลงแล้ว โดยประมาณการเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2564 พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เช่น จาก 2 หมื่นราย เหลือ 1 หมื่นราย หรือจาก 1 หมื่นรายเหลือ 5 พันราย จะใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ ซึ่งถ้าแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นรายได้ ในช่วงต้นเดือน ก.ย.2564
3.การเดินหน้าฉีดวัคซีนในไทยคืบหน้า : ปัจจุบันไทยมีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกทั้งสิ้น 20.27 ล้านราย หรือคิดเป็น 29.1% ของประชากรทั้งประเทศ และในช่วง 3-4Q64 ไทยมีแผนนำเข้าวัคซีนมาอีกไม่น้อยกว่า 70 ล้านโดส โดยในเดือน ก.ย. คาดมีวัคซีนของ AstraZeneca เข้ามาไม่ต่ำกว่า 6 ล้านโดส และ Pfizer ไม่น้อยกว่า 10 ล้านโดส ซึ่งถ้าการกระจายวัคซีนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เชื่อว่าจะสามารถลดการระบาดลงได้ เพราะประชากรบางส่วนเริ่มมีภูมิคุ้มกัน และ
4.ภูมิคุ้มกันหมู่ : ASPS เคยนำเสนอในบทวิเคราะห์ฉบับวันที่ 18 ส.ค.2564 ว่าจำนวนผู้มีภูมิคุ้มกันของไทยจะเกินระดับ 50% ของประชากรในเดือน ต.ค.2564 และเกิน 70% ในเดือน พ.ย.2564 ดังนั้น หากสถานการณ์จริงสอดคล้องกับที่ ASPS ประเมินคาดจะช่วยให้มาตรการ Lockdown สามารถผ่อนคลายลงมาได้ในระยะถัดไป
ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นข้างต้น หนุนคามคาดหวังว่าภาครัฐจะมีโอกาสพิจารณาคลาย Lockdown ได้ในระยะถัดไป (เห็นได้จากนายกฯ และฝั่งเอกชนเสนออาจจะคลาย Lockdown ในช่วงต้นเดือน ก.ย.64) โดยคาดอาจดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังมีการผ่อนคลายให้ร้านจำหน่ายอาหาร และธนาคารในห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดบริการได้ ซึ่งจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง
FTSE ลดน้ำหนักหุ้นไทยจาก FTSE All World Index ลง 40-50 ล้านดอลล์
ด้านบริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์รายวันว่า ทาง FTSE ได้ประกาศรายชื่อทบทวนดัชนีรายไตรมาส ซึ่งมองว่าการประกาศรอบนี้เป็นลบเล็กน้อย หลังหุ้นไทยถูกปรับลดน้ำหนักจากดัชนี FTSE All World Index ลงราว 40-50 ล้านดอลลาร์ โดยการปรับหุ้นและน้ำหนัก มีผล ณราคาปิดวันศุกร์ที่ 17 ก.ย.64 โดยมีหุ้นที่เข้าออกจากการคำนวณดังนี้
Large Cap Index เข้า : BBL, KBANK ออก : BBL-F, BBL-R (NVDR), KBANK-F, KBANK-R (NVDR), AWC, BJC, DIF
Mid Cap Index เข้า : AWC, BJC, DIF ออก : ไม่มี และ Small Cap Index เข้า : JMART, STARK ออก : FTREIT
ส่วน Micro Cap Index เข้า : 7UP, AGE, AS, BRR, BYD, CHAYO, CSS, CWT, DUSIT, ETC, FSS, INOX, IRC, JKN, KISS, MDX, MICRO, NWR, OISHI, PRM, PROSPECT, SABUY, SAK, SITHAI, SKN, SVOA, XPG ออก : AIMCG, BFIT, BIG, DCC, GRAND, JMART, MJLF, RBF, RCL, SCP, SF, SPRIME