บล.เอเซียพลัส เปิด 3 ปัจจัย ผู้รักษาหายสูงกว่าผู้ติดเชื้อ การฉีดวัคซีน และการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ สนับสนุนให้รัฐบาลผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มองหุ้นกลุ่มได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองรับอานิสงส์บวก ทั้งค้าปลีก ร้านอาหาร สินค้าไอที อย่าง CRC COM7 JMART HMPRO BJC และกลุ่มท่องเที่ยว โรงพยาบาล เช่น AOT AAV BA BH ด้าน บล.CGS CIMB ส่อง 4 หุ้นค้าปลีก HMPRO CPALL MAKRO และ CRC laggard อัปไซด์เพียบ ความหวังเห็นการคลายล็อกดาวน์เร็วๆ นี้
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASPS) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า กระแสความหวังการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (Reopening Theme) เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้น หลังจากเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพิจารณาผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจว่าจะพิจารณาอีกครั้ง หลังวันที่ 31 ส.ค.2564 ซึ่งอยู่กับว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับข้อเสนอของสภาหอการค้าไทยที่เสนอให้ผ่อนคลายกิจการต่างๆ โดยแบ่งสี เช่น ขาว เขียว เหลือง แดง คล้ายกับปี 2563
โดยระยะแรกจะเน้นกิจการค้าปลีก-ส่ง ร้านอาหาร ตลาด การขนส่ง บริการสำคัญ เช่น ร้านตัดผม และทดลองในบางเมืองก่อน เช่น กรุงเทพฯ หรือกรุงเทพ แซนด์บ็อกซ์ (Bangkok Sandbox : BKK Sandbox) ซึ่งปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีประชากรฉีดวัคซีนเข็มแรก 79.1% ดังนั้น ความคาดหวังการคลาย Lockdown จึงมีความเป็นไปได้ในระดับหนึ่ง จากปัจจัยสนับสนุนดังนี้
1.ผู้รักษาหายสูงกว่าผู้รักษาใหม่ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 20 ส.ค.2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,851 ราย (ต่ำสุดในรอบ 7 วัน) ส่งผลให้จำนวนผู้เข้ารักษารายใหม่ปรับลดลง 867 ราย หนุนจำนวนผู้ที่อยู่ระหว่างรักษา (Active case) ลดลงได้ต่อ
2.การเดินหน้าฉีดวัคซีน ปัจจุบันไทยมีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกทั้งสิ้น 19.41 ล้านราย หรือคิดเป็น 27.5% ของประชากรทั้งประเทศ และในช่วง 3-4Q64 ไทยมีแผนนำเข้าวัคซีนมาอีกไม่น้อยกว่า 70 ล้านโดส ถ้าการกระจายวัคซีนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เชื่อว่าจะสามารถลดการระบาดลงได้ เพราะประชากรบางส่วนเริ่มมีภูมิคุ้มกัน
3.ภูมิคุ้มกันหมู่ ASPS เคยนำเสนอในบทวิเคราะห์ฉบับวันที่ 18 ส.ค.2564 ว่าจำนวนผู้มีภูมิคุ้มกันของไทยจะเกินระดับ 50% ของประชาการในเดือน ต.ค.2564 และเกิน 70% ในเดือน พ.ย.2564 ดังนั้น หากสถานการณ์จริงสอดคล้องกับที่ประเมินคาดจะช่วยให้มาตรการ Lockdown สามารถผ่อนคลายลงมาได้ในระยะถัดไป
หุ้นเปิดเมือง ค้าปลีก-ร้านอาหาร รับผลบวกหากรัฐคลายล็อก
จากความหวังของการคลาย Lockdown ข้างต้น ASPS ประเมินจะสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง ดังนี้
หุ้นกลุ่มค้าปลีก และร้านอาหาร บวกต่อกลุ่มค้าปลีกที่ถูกปิดในสัดส่วนสูงๆ ได้แก่ CRC COM7 SPVI JMART และ ILM โดยเน้นกลุ่มค้าปลีกสินค้าไอที (COM7 SPVI JMART) มากกว่าจากความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ที่สูง และใกล้ได้กระแสเชิงบวกจากการเปิดตัว iPhone ใหม่ สัปดาห์ที่ 2-3 ของ ก.ย.2564
ขณะที่ส่วน CRC สามารถลงทุนระยะยาวได้ จากโครงสร้างธุรกิจมั่นคงสูงจากจุดแข็ง Omni channel ส่วนกลุ่มที่ถูกปิดในสัดส่วนน้อย เช่น HMPRO DOHOME BJC MAKRO CPALL คาดว่าต้องรอผลบวกกำลังซื้อฟื้นตัวเข้ามาเสริมในระยะถัดไป และสำหรับกลุ่มร้านอาหาร คาด M จะได้กระแสบวก
และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม โรงพยาบาล คาดจะได้กระแสในลำดับต่อไป หากการผ่อนคลาย Lockdown (โดยเฉพาะ Bangkok Sandbox) เปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ โดยหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ เช่น AOT AAV BA BH BDMS PR9
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) หรือ CGS CIMB เปิดเผยว่า จากการที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงต้นสัปดาห์นี้เริ่มปรับลดลงต่อเนื่องมา 4 วันติดและเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ส.ค.) ลงมาด่ำกว่าระดับ 2 หมื่นรายเป็นครั้งแรกในรอบ 10 วัน หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อทำจุดสูงสุดไปเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ระดับ 23,418 ราย ทำให้หุ้นกลุ่มที่เติบโตจากภายในประเทศกลับมาฟื้นตัว เพราะคาดหวังว่าจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และทำให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มค้าปลีกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
โดยปีนี้ราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.65% YTD ในขณะที่ดัชนี SET ปรับตัวขึ้น 6.6% YTD ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาด (laggard) มาก
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีหุ้น 4 ตัว ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น ประกอบด้วย ง HMPRO CPALL MAKRO และ CRC โดย HMPRO มี upside อยู่ที่ 22% (แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 16 บาท) CPALL มี upside อยู่ที่ 30% (แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 74.5 บาท) MAKRO มี upside 25% จากราคาเป้าหมาย 49.50 บาท และ CRC แม้ว่าจะปรับตัวดีกว่ากลุ่มเล็กน้อยแต่ก็ยังมี upside สูง โดยให้ราคาเป้าหมาย CRC ที่ 35.25 บาท
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้นหลักๆ มีเพียง GLOBAL ที่ปรับตัว ขึ้น 24.12% YTD ในขณะที่ราคาหุ้น HMPRO มีการปรับตัวลดลง -4.38% YTD MC -8.63% YTD BJC -2.16% YTD CPALL -1.29% YTD และ MAKRO +0.63% YTD ซึ่งยัง Laggard อยู่เมื่อเทียบกับกลุ่ม ทำให้คาดว่าในระยะสั้นอาจเห็นการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มนี้หลายตัว