OnlyFans แพลตฟอร์มคอนเทนต์เนื้อหา 18+ เอาใจคนเหงา โดยผู้สร้างเนื้อหาคอนเทนต์จะมีรายได้จาก ผู้เสพคอนเทนต์ในฐานะแฟนคลับที่จ่ายเงินเสียค่าเข้าชม เข้ามาในอัตรารายสัปดาห์หรือรายเดือน ซึ่งเจ้าของคอนเทนต์ก็จะแบ่งปันรายได้ในลักษณะค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งให้กับ OnlyFans ในการใช้พื้นที่แพล็ตฟอร์มดังกล่าวนั้น ทำให้ OnlyFans ต้องปรับกลยุทธครั้งใหญ่ในการลดคอนเทนต์ผู้ใหญ่ 18+ ลงเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับธนาคารและกลุ่มผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ โดยฐานลูกค้า และรายได้หลัก ๆ ของ OnlyFans นั้นเกินกว่า 50% เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่นิยมเสพคอนเทนต์วาบหวิว ขณะที่ Pornhub เว็บไซต์คอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ก็เคยเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงแบบเดียวกันนี้ และได้หันไปปรับปรุง Backpage การชำระเงินโดยเลือกที่จะเริ่มยอมรับ Bitcoin เข้ามาเสริม
จากการเปิดเผยของ decrypt ระบุว่าเมื่อ Visa และ Mastercard ตัดการชำระเงินให้กับเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่ Pornhub เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับนโยบายที่หละหลวมเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เยาว์เข้าถึงเนื้อหาด้านเพศสำหรับผู้ใหญ่
และจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น OnlyFans ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันจึงอาจจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงนโยบายการดำเนินธุรกิจ โดยการปรับลดเนื้อหาของผู้ผลิตคอนเทนต์ 18+ ลง เพื่อรักษาสานสัมพันธ์อันดีกับผู้รับชำระเงินต่อไป โดยในกระบวนการนี้อาจเปิดโอกาสให้ผู้บริการด้านการชำระเงินในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัลเข้ามาเป็นพันธมิตรธุรกิจ
OnlyFans จัดได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มบริการสมัครสมาชิกออนไลน์ที่กลายเป็นหนึ่งใน 400 เว็บไซต์ชั้นนำของโลกโดยการเชื่อมต่อผู้ชมโดยตรงกับผู้สร้างเนื้อหา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโมเดลสำหรับผู้ใหญ่ โดยถือได้ว่าเนื้อหาหลักมาจากคอนเทนต์ประเภทนี้ ซึ่งจะกำหนดนโยบายใหม่ในการ "ห้ามเนื้อหาทางเพศที่โจ่งแจ้ง" แม้ว่าจะบอกว่าเป็นภาพเปลือย นู๊ด หรือวาบหวิว จะยังได้รับอนุญาตตราบใดที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับได้ ขณะที่ภาพลามกอนาจารเช่นกิจกรรมทางเพศจะไม่ได้รับอนุญาติให้เผยแพร่บนแพลตฟอร์มต่อไป
ขณะที่ผู้สร้างคอนเทนต์ 20+ ที่เข้าข่ายในลักษณะข้อกำหนดใหม่ของ OnlyFans นั้น ส่วนหนึ่งแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากภาพลักษณ์ของแพลตฟอร์มที่คนส่วนใหญ่เข้ามาเสพ จะเป็นเนื้อหาด้นเพศสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเขามองว่าบริษัทเจ้าของ OnlyFans นั้นอาจเป็นคนที่คุณคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็น "พันธมิตรธนาคารและผู้ให้บริการจ่ายเงิน" ที่ไม่ใช่แฟนตัวยงของการอำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้กับแพลตฟอร์มที่รู้จักเรื่องลามก ซึ่งแฟนคลับส่วนมากของช่องคอนเทนต์ใน OnlyFans นั้นอาจไม่ได้รับความสะดวกมากนัก หากเปลี่ยนไปชำระเงินในรูปแบบอื่น
ในขณะที่ Pornhub ใช้วิธีที่จะทำให้ผู้เสพคอนเทนสะดวกในการเข้าถึงสื่อและเนื้อหาที่ต้องการและง่ายมากขึ้น ด้วยการหันไปใช้การชำระเงินแบบ cryptocurrency เฉพาะสำหรับการสมัครสมาชิกแบบพรีเมียมเท่านั้น ซึ่งจากรูปแบบที่ Pornhub นำมาใช้ ทำให้ OnlyFans คาดว่าจะสร้างรายได้ 1.2 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
ขณะที่ Allie Eve Knox นักแสดงหนังผู้ใหญ่และที่ปรึกษาของ SpankChain กล่าวว่า นั่นทำให้เกิดช่องว่างในอวกาศ กล่าวคือโทเค็นบน Ethereum ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการทางเพศได้รับเงินได้ง่ายขึ้น จนถึงวันนี้ OnlyFans เป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของเธอสำหรับเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
“สิ่งที่ [OnlyFans] มอบให้เราคือส่วนที่มีเพย์วอลล์ (ราคาสมัครสมาชิก) ที่สำหรับเนื้อหา [จ่ายต่อการรับชม] (เนื้อหาที่สามารถปลดล็อคได้ในราคา) ที่เก็บเนื้อหา (ที่สำหรับ เสนอและขายเนื้อหา) และไซต์สตรีมสด "น็อกซ์บอกกับ Decrypt "เรามีไซต์เหล่านั้นทั้งหมดมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ [OnlyFans] สามารถรวมไซต์เหล่านั้นเข้าด้วยกันได้"
อย่างไรก็ดีองค์ประกอบแบบครบวงจรนั้นหมายถึงการสร้างทางเลือกของสกุลเงินดิจิทัลจะไม่ง่ายเหมือนกับการโพสต์ที่อยู่การชำระเงินบิตคอยน์ แต่ Knox กล่าวว่า "Crypto มีประโยชน์ มีเครื่องมือที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ crypto ที่สามารถทำให้คู่แข่ง [OnlyFans] ทำได้มาก"
นอกจากนี้เธอยังกล่าวถึงข้อความที่ทวีตโดย Eva Beylin ผู้อำนวยการเครือข่าย API แบบกระจายศูนย์ The Graph ซึ่งพวกเขารวม OpenSea และ LivePeer สำหรับ NFTs, Arweave สำหรับการจัดเก็บและ SpankPay สำหรับการประมวลผลการชำระเงินใน Bitcoin และ Ethereum
ขณะเดียวกัน ผู้สร้างคอนเทนต์อื่นๆที่ใช้งานอยู่บน OnlyFans คนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากข่าววันนี้ต่างก็กระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหาตัวอย่างเช่น Jess Sloss of Seed Club แนะนำให้ตั้งค่าเกตเวย์โทเค็นบน Discord หรือ Telegram โดยเขากล่าว "เพื่อให้ชัดเจน การทำเช่นนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องคิด" เทคโนโลยีนี้ยังไม่เหมาะกับความต้องการของครีเอเตอร์ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม คู่แข่งที่ใช้คริปโตต้องเผชิญกับความท้าทายทางเทคนิคมากกว่าเมื่อพูดถึงเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ซึ่งอาจมีการตีความเนื้อหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ขณะที่ใช้เว็บไซต์ Backpage.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์คลาสสิฟายด์เก่าที่เป็นทางเลือกแทน Craigslist ที่สร้างรายได้ส่วนใหญ่จากโฆษณาผู้ให้บริการทางเพศ หลังจากที่ถูกระงับการชำระด้วยบัตรเครดิตไปในปี 2015 ก็เปลี่ยนไปใช้บริการชำระค่าบริการเป็น Bitcoin ซึ่งต่อมากระทรวงยุติธรรมได้ออกคำสั่งให้ปิดการให้บริการ และปิดตัวลงเมื่อต้นปี 2561 อีกทั้ง CEO ของเว็บดังกล่าวยังเกี่ยวพันกับข้อหาฟอกเงินในปีต่อมาอีกด้วย