Banco Central de Reserva ซึ่งเป็นธนาคารกลางของเอลซัลวาดอร์ ได้เผยแพร่เอกสารสองฉบับที่มีรายละเอียดว่าธนาคารควรจัดการกับ Bitcoin อย่างไร
จากการเปิดเผยของ cointelegraph ระบุว่า ธนาคารกลางของเอลซัลวาดอร์ Banco Central de Reserva (BCR) ได้เผยแพร่ร่างข้อบังคับเกี่ยวกับวิธีที่ธนาคารควรจัดการกับ Bitcoin โดยเอกสารทั้ง 2 ฉบับได้มีการเผยแพร่เพื่อขอรับฟังคำปรึกษาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม โดยแนะนำให้ธนาคารและสถาบันการเงินทราบถึงวิธีการและการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin แก่ลูกค้าของตน สำหรับครั้งแรกที่ชื่อว่า “แนวทางสำหรับการอนุญาตการทำงานของแพลตฟอร์มกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับ Bitcoin และดอลลาร์” (ในภาษาสเปน) กำหนดให้ BTC เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ( Bitcoin ที่เพิ่งร่างซึ่งผ่านสภานิติบัญญัติของเอลซัลวาดอร์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน และเตรียมที่จะประกาศให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 7 กันยายนนี้)
ขณะที่เอกสารฉบับที่สองชื่อ “มาตรฐานทางเทคนิคเพื่ออำนวยความสะดวกในการประยุกต์ใช้กฎหมาย Bitcoin” ซึ่งเป็นเอกสารฉบับแรกที่มีเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการบิทคอยน์ในรูปแบบต่างๆมากขึ้น
ทั้งนี้หน่วยงานทางการเงินจะต้องยื่นแบบความจำนงค์ในการสมัครใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลกับธนาคารกลางตามแนวทางที่ระบุไว้ โดยในแอปพลิเคชันจะมีการระบุถึงรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ และรวมไปถึงเป้าหมายกลุ่มลูกค้าในตลาด ตลอดจนการประเมินความเสี่ยง การเรียกเก็บเงินจากลูกค้า บทบัญญัติด้านการศึกษาสำหรับลูกค้า และขั้นตอนการร้องเรียน ฯลฯ
ทั้งนี้ลูกค้าทุกคนจะต้องมีการตรวจสอบยืนยันตัวตน Know-your-customer (KYC) แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งใช้สำหรับบัญชีธนาคารพื้นฐานจะเพียงพอสำหรับกระเป๋าเงินดิจิตอลเข้ารหัสหรือไม่ เพื่อป้องกันในส่วนของขั้นตอนการป้องกันการฟอกเงิน (AML) อย่างเต็มรูปแบบ เช่น การตรวจสอบธุรกรรมและการวิเคราะห์ก็จะถูกนำมาใช้ด้วย
ขณะเดียวกันในส่วนของการแปลงค่าเงินทั้งสองทาง ทั้ง Bitcoin เป็นดอลลาร์ หรือ ดอลลาร์ เป็น Bitcoin โดยจะมีการกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับธนาคารในการเรียกเก็บ ตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนด ขณะที่ไม่มีข้อกำหนดสำหรับมาตรฐานการบัญชีหรืออัตราแลกเปลี่ยนของรัฐบาล
“แพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้โดยผู้ดูแลระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลต้องอนุญาตให้ธนาคารกลางเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานแบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลที่ลูกค้าร้องขอ”
ขณะที่ Bitcoin ทั้งหมดที่ถือโดยธนาคารและบริษัทต่างๆ จะต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตรงข้ามกับการสำรองเศษส่วนดอลลาร์จะถูกเก็บไว้ที่ธนาคารกลางในขณะที่ BTC จะถูกเก็บไว้กับผู้รับฝากทรัพย์สินซึ่งสามารถทำสัญญาได้
อย่างไรก็ตามในบทความส่วนที่ 29 ของเอกสารที่ 2 กำหนดให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินเตือนลูกค้าว่า Bitcoin มีความผันผวน ธุรกรรมไม่สามารถย้อนกลับได้ และหากพวกเขาทำ private key หายก็จะสูญเสีย BTC ไปโดยยากที่จะได้คืน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม Fitch Ratings หน่วยงานจัดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ระบุว่าแผนการรับ BTC มีแนวโน้มจะส่งผลลบต่อบริษัทประกันภัยในท้องถิ่น เนื่องจากความกังวลเรื่องความผันผวนและความเสี่ยง