บมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) โชว์งบผลการดำเนินงาน Q2/64 โกยกำไร 86.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.29% เทียบ QoQ เหตุยอดออเดอร์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดวอลมาร์ท (Walmart) และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป รวมถึงในเอเซีย ยังมีดีมานด์เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะเดียวกันบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล จำนวน 0.07 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 26 ส.ค.นี้ และจ่ายปันผลในวันที่ 10 ก.ย.64
นายสุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE ผู้ส่งออกข้าวโพดหวานแปรรูปคุณภาพสูง แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 664.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.77% และกำไรสุทธิ 86.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 19.17% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38.29% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,222.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.14% และมีกำไรสุทธิ 149.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ทั้งนี้ สาเหตุที่รายได้เพิ่มขึ้นจากบริษัทฯ มียอดขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะมีสถานการณ์โรคระบาดจากไวรัสโควิค-19 แต่ยังคงมีการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างใกล้ชิด และยังมุ่งเน้นหาลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้เดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสำหรับประเทศที่บริษัทฯ มีการจำหน่ายสินค้าไปอยู่แล้ว เช่น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี และไต้หวัน รวมถึงการปรับปรุงรูปแบบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายตลาดไปยังประเทศสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดออเดอร์ตลาดวอลมาร์ท (Walmart) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่จากประเทศสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก แม้ว่าจะมีผลกระทบจากสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนในผู้ประกอบการรายเล็ก แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่มีผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายมีสายเรือเป็นของตัวเอง และบางรายสามารถบริหารจัดการพื้นที่การขนส่งได้เพราะมีปริมาณการขนส่งสินค้าจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มนี้เป็นลูกค้าของบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม ด้วยคำสั่งซื้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยปรับตัวลดลง ประกอบกับที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ระดับ 50% เนื่องจากเงินบาทมีทิศทางที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้บริษัทได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง จึงปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุนอัตราการทำกำไรและการเติบโตของของกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/2564 ปรับตัวในทิศทางที่ขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกประจำปี 2564 จำนวน 0.07 บาทต่อหุ้น สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงครึ่งปีแรก โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 26 ส.ค.2564 และจะกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 10 ก.ย.2564
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2565 อยู่ที่ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน มีการประเมินอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2564 ที่ 28.2% และในปี 2565 ที่ 28.5% ตามลำดับ และคาดการณ์ว่ารายได้รวมในปี 2564 อยู่ที่ 2,727 ล้านบาท และในปี 2565 อยู่ที่ 3,166 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยหนุนการเติบโตของผลประกอบการในอนาคตจากการเติบโตในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกาและยุโรป ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากอเมริกาและยุโรปคิดเป็น 20% และ 10% ของยอดขายทั้งหมดตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปรียบคู่แข่งทางด้านภาษีในยุโรปอีกด้วย