ผลการยื่นประมูลสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนตามนโยบายรัฐรอบแรก หลาย บจ.เฮ! ขณะราคาหุ้นบวกรับข่าวต่อเนื่อง ACE ผ่านฉลุย ทั้ง 29 บริษัท ส่วน TPCH ผ่าน 8 โครงการ ด้าน CWT ได้มา 2 โครงการ ขณะที่ SCI เข้าวิน 1 โครงการ และ UAC ผ่าน 2 โรงไฟฟ้า รอลุ้นกันยายนนี้ใครได้เพิ่มอีก
จากการเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายงานในทุกภาคส่วนทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ปริมาณไฟฟ้าย่อมไม่เพียงพอ กอปรกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้คอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนในการทำงานตลอดชีวิตประจำวัน ไฟฟ้าจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน รัฐสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ หรือเอกชนยื่นขออนุญาตการผลิตไฟฟ้าได้ทุกพลังงานหมุนเวียนจากวัตถุดิบที่มีในประเทศ
แม้ว่าที่ผ่านมามีการให้ใบอนุญาตและมีหลายผู้ประกอบการที่ดำเนินการตามแผน แต่ความต้องการใช้ไฟฟ้ามีเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเปิดให้ยื่นขอใบอนุญาตล่าสุดคือ "โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง กำลังผลิตรวม 150 เมะวัตต์" ซึ่งแบ่งเป็นการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวล 75 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ 75 เมกะวัตต์ ผลคือ ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจำนวนมากถึง 246 ราย ทั้งรายเล็กและใหญ่ และผู้ที่ยื่นขอนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ กฟภ.ทั้งหมด แบ่งตามประเภทเชื้อเพลิงได้เป็นประเภทชีวมวล 143 ราย และประเภทก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงานผสมน้ำเสีย/ของเสีย) 103 ราย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 คณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โครงการดังกล่าวได้พิจารณาให้ความเห็นชอบรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากที่ผ่านคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคแล้ว 95 ราย สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคยื่นอุทธรณ์ต่อ กกพ. และ กกพ. พิจารณาผลอุทธรณ์ภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 จากนั้นคณะอนุกรรมการพิจารณาคำเสนอขายขอขายไฟฟ้าด้านราคา และเสนอ กกพ. พิจารณา ภายในวันที่ 1 กันยายน 2564 และสำนักงาน กกพ. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 2 กันยายน 2564
ผู้ประกอบการ หรือบริษัทจดทะเบียน หรือ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์หลายบริษัทที่มุ่งหน้า บ้างเบนเข็มแตกไลน์รวมถึงต่อยอดธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่ ด้วยการมุ่งให้ความสนใจและลงทุนในการผลิตกระแสไฟฟ้า และการเปิดให้ยื่นขอใบอนุญาตรอบนี้ก็เช่นกัน มี บจ. หลายแห่งที่ยื่นเรื่อง อย่างบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI และบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV เป็นต้น และหลังจากที่ทาง สำนักงาน กกพ. ทยอยประกาศรายชื่อออกมา พบว่า ราคาหุ้นของ บจ.ที่มีชื่อออกมาก็ขยับรับข่าวอย่างไม่ต้องสงสัย
TPCH ยื่น 10 โครงการผ่าน 8 ลุ้นที่เหลือ
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า บริษัทย่อยของ TPCH ได้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ และคำเสนอขอขายไฟฟ้าทางเทคนิค จำนวน 8 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 27 เมกะวัตต์ จากทั้งหมดที่ยื่นไป 10 โครงการ
สำหรับโครงการที่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค จำนวน 2 โครงการนั้น บริษัทมีความพร้อมในการเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา หรือภายในวันที่ 23 ก.ค.64 ต่อไป
ทั้งนี้ กฟภ.มีกำหนดประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 9 ก.ย.64 และกำหนดลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 120 วัน นับจากวันประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก หรือภายในวันที่ 31 ธ.ค.64 และกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในวันที่ 31 ธ.ค.67
"การผ่านเกณฑ์พิจารณาในขั้นตอนแรกเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ซึ่งบริษัทฯ สามารถผ่านเกณฑ์พิจารณา จำนวน 8 โครงการ จากที่ได้ยื่นประมูลไป จำนวน 10 โครงการ โดยบริษัทฯ มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นอย่างดี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนอนาคตให้มีการเติบโตได้อย่างโดดเด่น" นางกนกทิพย์ กล่าว
สำหรับโครงการที่ผ่านเกณฑ์พิจารณา 8 โครงการ แบ่งเป็นการผลิตประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล 7 โครงการ และการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ 1 โครงการ ประกอบด้วย บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 9 จำกัด ที่ตั้งตำบลเพหลา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 10 จำกัด ที่ตั้งตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 11 จำกัด ที่ตั้งตำบลมาโมง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 14 จำกัด ที่ตั้งตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 15 จำกัด ที่ตั้งตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 18 จำกัด ที่ตั้งตำบลลานดอกไม้ตก อำเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกำแพงเพชร บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 19 จำกัด ที่ตั้งตำบลโนนสะอาด อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี โครงการเชื้อเพลิงชีวภาพ บริษัท พี พี แอล พาวเวอร์ จำกัด ที่ตั้งตำบลเพหลา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่
ปัจจุบัน TPCH มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 10 แห่ง กำลังการผลิตรวม 109 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG, TPCH 5, TPCH 1 และ TPCH 2
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะ COD โรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ และหากบริษัทฯ ได้งานดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้มีกำลังการผลิตรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งโรงไฟฟ้าชีวภาพและชีวมวล รวม 250 เมกะวัตต์ ภายในปี 66
ACE ผ่านฉลุยทั้ง 29 บริษัท รวม 93 MW
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ทำการประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากที่ผ่านคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) (โครงการฯ) โดยมีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 95 ราย จากจำนวนผู้ยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้าทั้งหมด 246 ราย (ประกาศ กฟภ.ฯ) บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) (บริษทั ฯ) ขอเรียนให้ทราบว่าบริษัทย่อยของบริษัทฯ จำนวน 29 บริษัทที่ได้เข้าร่วมยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้าโครงการฯ ดังกล่าว รวมทั้งสิ้น 29 โครงการ (1 บริษัทย่อยต่อ 1 โครงการ) ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ที่ผ่านคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคทั้ง 29 บริษัท คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวมและกำลังการผลิตเสนอขายรวม 93.00 เมกะวัตต์ และ 78.85 เมกะวัตต์ ตามลำดับ
ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) 28 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมและกำลังการผลิตเสนอขายรวม 90.00 เมกะวัตต์ และ 76.00 เมกะวัตต์ตามลำดับ และโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 1 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งและกำลังการผลิตเสนอขาย 3.00 เมกะวัตต์ และ 2.85 เมกะวัตต์ ตามลำดับ
ทั้งนี้ การประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคตามประกาศ กฟภ.ฯ ข้างต้น เป็นหนึ่งในขั้นตอนของกระบวนการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยยังมีขั้นตอนต่อจากนี้ซึ่งรวมถึงการพิจารณาคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคา
CWT เผย "ชัยวัฒนา กรีน" ผ่าน 2 โครงการ
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CWT) เปิดเผยว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านพิจารณาคุณสมบัติและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ.2564 รับซื้อไฟฟ้าเข้าระบบไม่เกิน 150 เมกะวัตต์ โดยบริษัทย่อยของบริษัท ชัยวัฒนา กรีน จำกัด ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าทางเทคนิค 2 โครงการ จากการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล ได้แก่ 1.บริษัท ทุ่งศรีอุดม เพาเวอร์ จำกัด ที่ตั้งตำบลนาห่อม อำเภอทุ่งศรีอุดม จังหวัดอุบลราชธานี และ 2.บริษัท เบญจลักษ์ เพาเวอร์ จำกัด ที่ตั้งตำบลตระกาจ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ปริมาณเสนอขายไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ต่อโครงการ โดยชัยวัฒนา กรีน ถือหุ้นในสัดส่วน 60% ทั้ง 2 โครงการ
ทั้งนี้ กฟภ. มีกำหนดประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 9 กันยายน 2564 และกำหนดลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 120 วัน นับจากวันประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก หรือภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567
สำหรับโครงการที่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค บริษัทฯ พร้อมเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ภายในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ต่อไป
"เราได้ยื่นเรื่องไปทั้งหมด 13 โครงการ ผ่านเกณฑ์พิจารณา 2 โครงการ ถือว่าเป็นที่พึงพอใจ อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างอุทธรณ์ในโครงการที่เหลือ เนื่องจากมั่นใจว่ามีความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน เทคโนโลยี แหล่งเงินทุน และด้านเชื้อเพลิง อีกทั้งเรายังมีประสบการณ์ในการสร้าง และบริหารโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ได้รับความร่วมมือจากวิสาหกิจชุมชนมาก่อน หากได้งานดังกล่าวเพิ่มเติมจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของ CWT เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนเศรษฐกิจในระดับฐานรากเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต" นายวีระพล กล่าวในที่สุด
ปัจจุบัน CWT มีโรงไฟฟ้าที่ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 2 โรง รวม 14 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา คือ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน จังหวัดนครสวรรค์ ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้สัญญาบริหารจัดการขยะแล้ว 25 ปี และอยู่ระหว่างขอ PPA
อย่างไรก็ดี CWT วางแผนการขยายสู่ผู้ผลิตไฟฟ้าผ่านบริษัทย่อยอย่าง “บริษัท ชัยวัฒนา กรีน จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CWT วางเป้าหมายภายในปี 2565 มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือไม่น้อยกว่า 30 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 14 เมกะวัตต์ พร้อมเดินหน้าการเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ “ชัยวัฒนา กรีน” อีกทั้งสนับสนุนรายได้ CWT ในฐานะบริษัทแม่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าระดมทุนภายในปี 2565 ตามแผน
SCI เข้าวิน 1 ยื่นอุทธรณ์ 6 โครงการ
นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI เปิดเผยว่า หลังการประกาศรายชื่อผู้ผ่านพิจารณาคุณสมบัติและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคโครงการนี้ พบว่าบริษัทร่วมทุนของ SCI นั้นได้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค จำนวน 1 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้า 3.5 เมกะวัตต์ และไม่ผ่านคุณสมบัติและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค จำนวน 6 โครงการ จากที่ยื่นขอเสนอทั้งหมด 7 โครงการ
“เราได้มา 1 โครงการ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการขยายการลงทุนในพลังงานทดแทน ซึ่งจะช่วยเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) ส่วนอีก 6 โครงการที่ไม่ผ่านด้านเทคนิคก็คงต้องรอผลการชี้แจงก่อนว่าตกข้อไหนบ้าง และจะดำเนินการจะยื่นอุทธรณ์ต่อไป”
ทั้งนี้ บริษัท ที ยูทิลิตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ SCI เตรียมยื่นเอกสารและชี้แจงในส่วนที่ตกไปได้อย่างครบถ้วน และเชื่อว่าจะสามารถผ่านการพิจารณาคุณสมบัติดังกล่าวได้ทั้งหมด 6 โครงการที่เหลือ
UAC ผ่าน 2 โรงโครงการ คุณสมบัติครบ
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เผยว่า บริษัทย่อยของ UAC ทั้ง 2 บริษัท ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าทางเทคนิค จากการผลิตโรงไฟฟ้าประเภทชีวภาพ2 โครงการ คือบริษัท ยูเอซี แอนด์ ทีพีที เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด และบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ครอป พาวเวอร์ 4
"UAC ยื่นประมูลไปทั้งสิ้น 6 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 18 เมกะวัตต์ เฉลี่ยโครงการละ 3 เมกะวัตต์ และผ่านคุณสมบัติ 2 โครงการ ส่วนอีก 4 โครงการที่ไม่ผ่านเกณฑ์ บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ และจะยื่นอุทธรณ์ในลำดับต่อไป ซึ่งคาดว่ากระบวนการพิจารณาจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วง 1 เดือนถึงเดือนครึ่ง ก่อนจะแข่งขันในเชิงพาณิชย์ได้จริงช่วง ประมาณเดือนกันยายนนี้"
"UAC มีศักยภาพและความพร้อมทั้งเทคโนโลยี แหล่งเงินทุน รวมถึงด้านเชื้อเพลิง ที่สำคัญยังมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ดังนั้น จึงเชื่อว่าจากปัจจัยดังกล่าว UAC พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาช่วยต่อยอดและผลักดันภาพรวมธุรกิจโรงไฟฟ้าชุมชนก๊าซชีวภาพพืชพลังงานของพันธมิตรทุกรายให้เติบโตอย่างยั่งยืน" นายชัชพล กล่าว
ดังนั้น รายชื่อบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคแล้ว 95 ราย และยังเหลืออีกหลาย บจ.ที่รอผลความชัดเจนจากภาครัฐ อย่างบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ที่ยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง จำนวน 2-3 โครงการ เป็นโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ใช้พืชหมักและของเสียจากโรงงาน กำลังการผลิตแห่งละ 3-5 เมกะวัตต์ สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคยื่นอุทธรณ์ต่อ กกพ. และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 2 กันยายน 2564 ซึ่งต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าบริษัทใด เจ้าไหนบ้างที่จะได้ครบทุกโครงการที่ยื่นหรือได้เพิ่มมาอีก