L&E ประกาศผลงานไตรมาส 2/2564 พลิกมีกำไรโต 175% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 6.3 ล้านบาท มีรายได้จากการขายและให้บริการ 629 ล้านบาท เติบโต 30% ท่ามกลางผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยยอดขายส่งออกโตมากกว่า 2,600% จากธุรกิจใหม่ที่ผลิตจำนวนมากส่งออกไปตลาดอเมริกา ขณะที่ยอดขายในประเทศทรงตัว “อนันต์ กิตติวิทยากุล” ซีอีโอ ประเมินทั้งปีคาดยอดขายจะเติบโตประมาณ 5-10% จากปีก่อน ยอมรับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ส่งผลกระทบโดยตรงต่องานโครงการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง คาดการณ์ยอดขายจากในประเทศทั้งปีทรงตัว แต่ยอดขายส่งออกคาดการณ์โตก้าวกระโดดมากกว่า 300% จากปีที่แล้ว จากธุรกิจใหม่ที่ผลิตจำนวนมากส่งออกไปสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทขอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นไตรมาส 3 นี้
นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำธุรกิจไฟฟ้าแสงสว่างในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 629 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 144 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% เป็นผลจากรายได้จากงานโครงการทรงตัว และรายได้จากงานขายส่ง/ขายปลีกลดลง 12 ล้านบาท หรือลดลง 8% เป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนรายได้จากงานขายต่างประเทศนั้นเพิ่มขึ้น 157 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,617% เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทได้เริ่มขายสินค้ามูลค่า 138 ล้านบาท ไปให้ลูกค้าปลายทางที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 4.7 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 6.3 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 11.0 ล้านบาท หรือปรับตัวดีขึ้น 175% เป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 7.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% และผลจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 30% แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงจาก 34.3% ในปี 2563 เป็น 26.9% ในปี 2564 เนื่องจากในไตรมาสนี้ บริษัทได้ขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าในสัดส่วนที่ลดลง รวมทั้งสินค้าที่ส่งไปขายให้ลูกค้าปลายทางที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่ารายการสินค้าขายปกติเพราะเป็นการขายสินค้าครั้งละจำนวนมาก
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายลดลง 3.6 ล้านบาท หรือลดลง 2% สาเหตุใหญ่เป็นผลจากค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามผลการดำเนินงานได้ปรับตัวลดลง และดอกเบี้ยจ่ายลดลงเพราะอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4 ล้านบาท
“ผลประกอบการ Q2 ยอดขายเติบโต 30% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยหลักๆ แล้วผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้หน่วยงานขอเลื่อนการส่งมอบสินค้าออกไป ส่งผลให้ยอดขายในประเทศทรงตัว ส่วนยอดขายส่งออกโตขึ้นกว่า 2,600% จากธุรกิจใหม่ที่ผลิตจำนวนมากๆ ส่งออกไปตลาดอเมริกาเป็นหลัก” นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 จากสายพันธุ์เดลตาอย่างรุนแรงขณะนี้ ซึ่งตามที่คาดการณ์ว่าระยะเวลาน่าจะระบาดหนักอีกในช่วง 2-3 เดือนนี้ ชึ่งจะมีผลกระทบต่อไตรมาสที่ 3 โดยตรง โดยเป้าหมายการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น รวมทั้งการล็อกดาวน์หน่วยงานก่อสร้างตามที่ทราบกันดีอยู่แล้วนั้น ส่งผลกระทบทางลบโดยตรงกับงานโครงการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้คาดการณ์รายได้ยอดขายจากในประเทศทั้งปีอาจจะทรงตัว
ในขณะที่รายได้จากการส่งออกคาดการณ์จะเติบโตก้าวกระโดดมากกว่า 300% จากปีที่แล้ว จากธุรกิจใหม่ที่ผลิตจำนวนมากส่งออกไปสหรัฐอเมริกา สามารถเดินหน้าได้เต็มกำลังไม่ชะลอตัวแต่ประการใด ส่งผลโดยรวมทั้งปีคาดว่ายอดขายจะเติบโตประมาณ 5-10% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม ถ้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐออกมาทันในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายทั้งปีเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นไตรมาส 3 นี้
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการทั้งปีนี้ การเติบโตจะมาจากรายได้ 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1.บริษัทฯ มีงานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) กว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ ส่วนที่ 2.ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากสินค้า IOT ของบริษัทได้รับการตอบรับจากลูกค้าเพิ่มขึ้น และมองจะเป็นเทรนด์ที่ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมทั้ง Horticultural Lighting และ Entertainment Lighting ส่วนที่ 3.คือ ธุรกิจใหม่ที่ผลิตจำนวนมากๆ เพื่อการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งมียอดขายเติบโตมาก และส่วนที่ 4.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ