“เคอรี่ โลจิสติคส์” วางยุทธศาสต์ในไทย รุกหนักธุรกิจการบริหารคลังสินค้า เจาะกลุ่มลูกค้าทุกอุตสาหกรรม ชูจุดแข็งให้บริการครบวงจร ทั้งคลังสินค้า ขนส่ง บริการเพิ่มมูลค่าสินค้า และวางแผนการตลาด on-line เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นแท่นผู้นำให้บริการกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต S-Curve มั่นใจเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก
นายพงศ์ศิริ ศิริธร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเป็นหนึ่งในกลุ่ม Kerry Logistics Network Limited หรือ KLN ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ปัจจุบันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง โดย KLN เป็นบริษัทแม่และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเคอรี่ โลจิสติคส์ฯ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเป็นกลุ่มแรก และเป็นหัวหอกสำคัญที่ให้บริการด้านบริหารคลังสินค้าแบบครบวงจร ก่อนจะขยายไปสู่กลุ่มธุรกิจด้านโลจิสติกส์อื่นๆ ทั่วประเทศ
ปัจจุบัน บริษัทมีพื้นที่ให้บริการคลังสินค้ารวมกันมากกว่า 1 แสนตารางเมตร ครอบคลุม 3 พื้นที่สำคัญใน กรุงเทพฯ ชลบุรี และระยอง โดยมีสัดส่วนรายได้จากการบริการ 3 ส่วนสำคัญอันได้แก่ การบริหารคลังสินค้า การขนส่งทุกรูปแบบ และบริการอื่นๆ เช่น การบริหารการบรรจุหีบห่อ การจัดการด้านการตลาดออนไลน์ เป็นต้น จากประสบการณ์ ความชำนาญของทีมงานคนไทย 100% ที่เข้าใจถึงความต้องการลูกค้า สามารถยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการได้ตามความต้องการของตลาดในเมืองไทย ภายใต้ระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐานสากลทั้ง ISO9001, ISO45001, ISO14001, GMP, Halal etc. ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า offline และ online ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ
โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทประกอบด้วย 1.สินค้าภาคอุตสาหกรรม 2.สินค้าสุขภาพและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ 3.สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม 4.สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เช่น เครื่องสำอาง และสินค้าแบนด์เนม เป็นต้น 5.สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 6.สินค้าอุปโภคบริโภค และ 7. สินค้าอุตสาหกรรมยานยนต์
“บริษัทตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรในการบริหารคลังสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต S-Curve ขยายสัดส่วนรายได้จากการบริหารคลังสินค้าให้มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดและด้านการขนส่งทุกรูปแบบเท่าตัวภายในปี 2022” นายพงศ์ศิริ กล่าว
นายพงศ์ศิริ กล่าวต่อว่า บริษัทได้วางจุดยืนอย่างชัดเจนในเรื่อง “Global Network and Local Specialist” คือ เรามีความชำนาญในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรในประเทศไทย และด้วยเครือข่ายที่มีครอบคลุมทั่วโลก จะช่วยสนับสนุนและสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการของไทยในการเชื่อมโยงธุรกิจสู่เวทีระดับภูมิภาคเอเชีย หรือแม้แต่ระดับโลกได้
การเปลี่ยนไปของตลาดกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่จาก Disruption ในทุกทิศทุกทาง โดยเฉพาะจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิด New Normal ของการดำเนินธุรกิจของลูกค้าที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บริษัทจึงได้พัฒนานวัตกรรมและสรรหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาบริหารจัดการด้านคลังสินค้า สต๊อกสินค้า และการขนส่ง ที่จะทำให้การบริการด้านโลจิสติกส์เป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไปในอนาคต
“การที่ลูกค้ามีพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่ช่วยบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ในยุค Disruption เคอรี่ โลจิสติคส์ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่อยู่เคียงข้างลูกค้า ในการทำธุรกิจแบบยั่งยืน” นายพงศ์ศิริ กล่าว