สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 29 ก.ค.2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงฟอร์ด มอเตอร์ และยัม แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท และเคนตั๊กกี ฟรายชิกเก้น (KFC) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,084.53 จุด เพิ่มขึ้น 153.60 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,419.15 จุด เพิ่มขึ้น 18.51 จุด หรือ +0.42% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,778.26 จุด เพิ่มขึ้น 15.68 จุด หรือ +0.11%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของยูโรโซน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 463.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.14 จุด หรือ +0.46%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,633.77 จุด เพิ่มขึ้น 24.46 จุด หรือ +0.37%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,640.47 จุด เพิ่มขึ้น 70.11 จุด หรือ +0.45% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,078.42 จุด เพิ่มขึ้น 61.79 จุด หรือ +0.88%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวเร็วขึ้น หลังจากบริษัทหลายแห่งของอังกฤษเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นให้ผู้ถือหุ้น

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,078.42 จุด เพิ่มขึ้น 61.79 จุด หรือ +0.88%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) ขานรับสต๊อกน้ำมันดิบและสต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แทบไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 73.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.2564

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 76.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.2564

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์ ยืนเหนือระดับ 1,830 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน นอกจากนี้ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2 ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 31.2 ดอลลาร์ หรือ 1.73% ปิดที่ 1,835.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 90.5 เซนต์ หรือ 3.64% ปิดที่ 25.782 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 9.5 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,067.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 20.50 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 2,643.10 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และส่งสัญญาณยังไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.45% แตะที่ 91.8713 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.46 เยน จากระดับ 109.95 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9055 ฟรังก์ จากระดับ 0.9106 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2439 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2526 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1890 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1841 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3967 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3906ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7400 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7372 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,084.53 จุด เพิ่มขึ้น 153.60 จุด, +0.44%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,419.15 จุด เพิ่มขึ้น 18.51 จุด, +0.42%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,778.26 จุด เพิ่มขึ้น 15.68 จุด, + 0.11%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,078.42 จุด เพิ่มขึ้น 61.79 จุด, +0.88%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,633.77 จุด เพิ่มขึ้น 24.46 จุด, +0.37%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,640.47 จุด เพิ่มขึ้น 70.11 จุด, +0.45%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 52,653.07 จุด เพิ่มขึ้น 209.36 จุด, +0.40%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,120.73 จุด เพิ่มขึ้น 32.20 จุด, +0.53%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,512.93 จุด ลดลง 2.46 จุด, -0.16%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,496.53 จุด เพิ่มขึ้น 23.50 จุด, +0.36%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,180.61 จุด เพิ่มขึ้น 38.86 จุด, +1.24%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,315.32 จุด เพิ่มขึ้น 841.44 จุด, +3.30%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,411.72 จุด เพิ่มขึ้น 50.13 จุด, +1.49%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,402.81 จุด เพิ่มขึ้น 267.59 จุด, +1.56%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,242.65 จุด เพิ่มขึ้น 5.79 จุด, +0.18%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,782.42 จุด เพิ่มขึ้น 200.76 จุด, +0.73%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,417.40 จุด เพิ่มขึ้น 38.10 จุด, +0.52%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,695.20 จุด เพิ่มขึ้น 45.60 จุด, +0.60%