เรื่องของโควิด-19 ภายในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดการลงทุนในสัปดาห์นี้ สถานการณ์ล่าสุดในวันอาทิตย์ผู้ติดเชื้อต่อวันยังคงเห็นการพุ่งขึ้น และทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หากอิงข้อมูลการติดเชื้อต่อวันจาก World Meter พบว่า การติดเชื้อของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 ของจำนวนประเทศที่ World Meters เก็บรวบรวมทั้งหมด 222 ประเทศ
ขณะที่ปัจจุบันจำนวนการติดเชื้อของประเทศไทยเริ่มเห็นการกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น หากมาดูข้อมูลล่าสุดจาก ศบค. พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 100% มาจากต่างจังหวัดที่ไม่รวมปริมณฑลถึง 59% ซึ่งเร่งตัวขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้าราวกลาง ก.ค. ที่ 46% บ่งชี้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดไปเริ่มกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เรากังวลและตลาดยังไม่ตอบรับคือการยกระดับมาตรควบคุมมากขึ้นในต่างจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการระบาด แต่การยกระดับจะเป็นลบกับเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่ม Downside Risk ต่อประมาณการ จึงแนะนักลงทุนติดตามใกล้ชิดเกี่ยวกับการระบาดของต่างจังหวัด ดังนั้น จากการระบาดที่ยังมีความเสี่ยงทำให้ประเมิน SET ยังเสี่ยงอ่อนตัวกรอบ 1,520-1,560
สำหรับการส่งออกในเดือน มิ.ย. ขยายตัว 44%YoY นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี หลักๆ เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและฐานปี 20 ที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ +78%YoY เครื่องใช้ไฟฟ้า +42%YoY แผงวงจรไฟฟ้า +33%YoY เคมีภัณฑ์ +47%YoY สินค้าเกษตร +60%YoY มองเป็นบวกต่อ (AH DELTA HANA KCE NER PTTGC SAT) อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังต้องติดตามการระบาดโควิด-19 ที่หลายประเทศเผชิญการระบาดอีกครั้ง และบางประเทศที่เกิดการระบาดเป็นคู่ค้าหลักของไทย เช่น สหรัฐฯ (15%) ASEAN (13.4%) ญี่ปุ่น (9.8%)
ปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุสัปดาห์นี้จะมี SCC PTTEP GLOBAL รายงานผลประกอบการ (2) ประชุม FED ในวันพฤหัสบดี แต่เชื่อว่าไม่มีนัยอะไรมากเนื่องจาก Policy ยังน่าจะคล้ายประชุมครั้งก่อน
กลยุทธ์การลงทุน การลงทุนระยะสั้นควรเลือกหุ้นที่ผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด เช่น ส่งออก (ASIAN DELTA HANA KCE NER TU) สื่อสารและโรงไฟฟ้า (ADVANC BGRIM BCPG GPSC GULF) รวมถึงได้ประโยชน์จากโควิด-19 เช่น โรงพยาบาล (BCH CHG) พร้อมแนะยังคงเน้นการถือครองเงินสดมากขึ้น
KCE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 90 บาท) คาดผลการดำเนินงาน 2Q21E ที่ 531 ล้านบาท (+644%YoY และ 6%QoQ) โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากรายได้ที่ขยายตัวสู่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 71%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 2020 และเพิ่มขึ้น 7%QoQ ตามจำนวนวันดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นราคาขาย