e-commerce ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง "Amazon" ได้ออกมาเผยว่ากำลังวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ด้านการจ่ายเงินผ่าน cryptocurrency ซึ่งจะช่วยให้การชำระเงินมีความทันสมัย, รวดเร็ว และราคาไม่แพง และหวังว่าจะนำอนาคตนั้นมาสู่ลูกค้าของ Amazon
จากการเปิดเผยของ The Business Journals ระบุถึงถ้อยแถลงของโฆษกจาก Amazon ว่าขณะนี้ทางบริษัทฯ กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ด้านการจ่ายเงินผ่าน cryptocurrency ซึ่งมีแรงบันดาลใจจากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในวงการคริปโตเคอเรนซี และกำลังสำรวจว่าคริปโตควรจะมีลักษณะอย่างไรใน Amazon
“เราเชื่อว่าอนาคตของโลกนี้จะถูกสร้างขึ้นอยู่บนเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้การชำระเงินมีความทันสมัย, รวดเร็ว และราคาไม่แพง และหวังว่าจะนำอนาคตนั้นมาสู่ลูกค้าของ Amazon โดยเร็วที่สุด” โฆษกของ Amazon กล่าว
อย่างไรก็ดีจาก “การสำรวจ” ที่จะพัฒนาระบบอาจมีความหมายมากมายสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรเกือบไม่จำกัดและพนักงานหลายพันคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ออกมาประกาศรับสมัครงานหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์สกุลเงินดิจิทัลและบล็อคเชน ที่ได้ระบุความต้องการว่าควรมีความเชี่ยวชาญในสกุลเงินดิจิทัล, สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง และบัญชีแยกประเภท โดยการจ้างงานใหม่นี้คาดว่าจะ “ทำให้พวกเขาได้มาเป็นผู้นำในด้านการลงทุนและความสามารถใหม่ ๆ” และพัฒนา “กลยุทธ์การเปิดตัว” ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่า crypto สามารถทำอะไรได้บ้าง
ทั้งนี้ Amazon เคยให้ความสนใจในคริปโตอย่างมากก่อนหน้านี้ โดยเมื่อต้นเดือนนี้ Amazon Web Services ซึ่งเป็นบริษัทด้านแพลตฟอร์มคลาวด์ของบริษัท ได้โฆษณารับสมัครงาน Head of Product สำหรับฝ่าย Amazon Managed Blockchain ที่เปิดมาอย่างยาวนาน โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นช่วยด้านโฮสต์และฮาร์ดแวร์สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์บน Hyperledger Fabric หรือ Ethereum โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโพสต์ระบุความต้องการผู้สมัครที่มีประสบการณ์ด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ ( DeFi) ซึ่งบ่งบอกว่า AWS อาจกำลังสามารถสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับโปรโตคอลที่ใช้ประโยชน์จากบล็อคเชนเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินโดยไม่ต้องใช้ตัวกลาง
นอกจากนี้ทีมโฆษณา FinTech ของ Amazon กำลังมองหาวิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสเพื่อมาช่วยพัฒนา “บัญชีแยกประเภททางการเงิน, ระบบการเรียกเก็บเงิน และระบบการกระทบยอดเพื่อให้ข้อมูลโปร่งใสเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินข้ามชาติ” แม้ว่าโพสต์จะไม่กล่าวถึง “blockchain” แต่ URL ดังกล่าวนั้น ก็ได้มีการกล่าวถึงในวงกว้าง และนำมาสู่การถกเถียงเพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการสร้างมาตรฐานของธุรกิจ e-commerce และ web service ในอนาคต