หุ้นไทยปิดลบ 7.26 จุด ตามตลาดหุ้นในเอเชียหลังโควิด-19 ระบาดหนักกดดัน ศก. นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนอาจปรับพอร์ตเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับลด QE ซึ่งคาดว่าจะเร็วสุดสหรัฐฯ น่าจะปรับลด QE ในเดือน ธ.ค.นี้ นักลงทุนจึงปรับพอร์ตเตรียมไว้ล่วงหน้า สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดตลาดคงจะแกว่งตัว
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่นใหญ่จะปรับตัวลง สวนทางตลาดหุ้นในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ส่วนใหญ่จะบวกได้ดีราว 0.6-0.7% ภาพรวมขณะนี้มองไปที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/64 และของครึ่งปีหลัง (H2/64) ซึ่งทางฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป คาดว่าจะออกมาดี และดีต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่ในทิศทางที่ดูดีกว่าตลาดเอเชียมาก ทำให้เห็นตลาดเอเชียปรับตัวลงจากความกังวลการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงอันเป็นผลจากโควิด-19 ระบาดหนัก และการฉีดวัคซีนในเอเชียยังอยู่ในระดับที่ต่ำอยู่ ทำให้อาจจะต้องใช้มาตรการเข้มงวดต่อเนื่อง ซึ่งจะไปกดดันเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนอาจปรับพอร์ตเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับลด QE ซึ่งคาดว่าจะเร็วสุดสหรัฐฯ น่าจะปรับลด QE ในเดือน ธ.ค.นี้ นักลงทุนจึงปรับพอร์ตเตรียมไว้ล่วงหน้า และเศรษฐกิจในเอเชียด้อยกว่าฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้เม็ดเงินลงทุนอาจจะไหลออกจากเอเชียไปด้วยส่วนหนึ่ง
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,545.10 จุด ลดลง 7.26 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.47% มูลค่าการซื้อขาย 59,508.14 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดคงจะแกว่งตัว ถึงแกว่งตัวลง โดยให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมี PTTEP, SCC ประกาศงบออกมา และคาดว่าจะออกมาใช้ได้ แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/64) น่าจะดีน้อยลง โดยมองกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะด้อยกว่าครึ่งปีแรก และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อไป ส่วนนอกประเทศให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันพุธที่ 28 ก.ค.นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,535-1,510 จุด ส่วนแนวต้าน 1,563 จุด