xs
xsm
sm
md
lg

โนวา ออร์แกนิคยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น เล็งเข้าจดทะเบียนใน SET

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บมจ.โนวา ออร์แกนิค (NV) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

NV ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ที่มีส่วนประกอบหลักมาจากวัตถุดิบที่หลากหลาย ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทเอง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร DONUTT เช่น โดนัทท์คอลลาเจน และโดนัทท์โทเทิลไฟบิลี่ เป็นต้น กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร LIVNEST ที่มีส่วนผสมหลักจากวัตถุดิบถั่งเช่า และกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ เช่น หลินจือพลัส ชิตาเกะ มัทซึทาเกะ และผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม คิว-ติน แฮร์ โทนิค เซรั่ม เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Original Equipment Manufacturer : OEM) โดยจะให้คำปรึกษาและบริการแบบครบวงจรตั้งแต่การให้คำแนะนำเกี่ยวกับสูตรของผลิตภัณฑ์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงจดแจ้งเลขสารบบอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า

บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อใช้ลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ เพื่อใช้ในการปรับปรุงอาคารสำนักงานแห่งใหม่ และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ

อย่าไรก็ตาม บริษัทมีแผนลงทุนสร้างโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยได้ลงทุนซื้อที่ดินใน จ.สมุทรปราการ พื้นที่ 12 ไร่ เพื่อก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิมที่มีขนาด 553.90 ตารางวา และเช่าคลังสินค้าขนาด 1,146 ตารางวา พร้อมกับติดตั้งเครื่องจักรที่มีความทันสมัยเน้นการผลิตแบบอัตโนมัติ เพื่อขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น ส่วนคลังสินค้าจะติดตั้งระบบบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีมาตรฐานการจัดเก็บให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตและการออกสินค้าใหม่ในอนาคต ทั้งหมดคาดว่าจะใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 65

ทั้งนี้ เมื่อโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ บริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงโรงงานเดิมไว้รองรับการรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสินค้าอื่นๆ ในอนาคต เพื่อแยกสัดส่วนการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองและบุคคลภายนอก และเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนในอาคารสำนักงานแห่งใหม่เพื่อรองรับการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) ซึ่งปัจจุบันเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายหลักที่มีประสิทธิภาพ โดยผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ได้อย่างง่ายและรวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคใดในประเทศ รวมทั้งสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาพัฒนาต่อยอดสินค้าของบริษัทฯ ให้มีความเหมาะสมกับผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น คาดว่าจะใช้เงินทุนทั้งสิ้นประมาณ 50 ล้านบาท

ณ วันที่ 7 มิ.ย.64 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300,000,000 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญ 600,000,000 หุ้น เป็นทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 225,000,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้บริษัทจะมีทุนที่เรียกชำระแล้วเต็มจำนวน โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้น มีครอบครัวจันทร์จุฑามาศ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 415,603,400 หุ้น คิดเป็น 92.36% ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO จะลดลงเหลือ 69.27%

ส่วนผลการดำเนินในช่วงปี 61-63 เติบโตทั้งรายได้จากการขายแ ละกำไรสุทธิ ด้วยการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางผ่านสื่อทั้งออนไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline) อีกทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายโดยเฉพาะช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) ที่เป็นช่องทางหลักให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค

รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 331.58 ล้านบาทในปี 61 มาเป็น 478.90 ล้านบาทในปี 62 คิดเป็นอัตราการเติบโตเท่ากับ 44.43% จากความนิยมของกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าลีฟเนส LIVNEST และในปี 63 มีรายได้รวม 2,239.99 ล้านบาท เติบโต 367.73% จากปี 62 สาเหตุมาจากผลิตภัณฑ์กลุ่มสารสกัดจากถั่งเช่า LIVNEST ได้รับความนิยมและมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

สำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.64 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 379.50 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 181.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 91.73% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

ขณะที่อัตรากำไรสุทธิสำหรับปี 61-63 และงวด 3 เดือน ปี 64 เท่ากับ 5.31%, 15.80%, 34.86% และ 18.23% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 64 บริษัทได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวเชิงลบเกี่ยวกับการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จึงชะลอการเผยแพร่สื่อโฆษณาช่องทางต่างๆ ที่ได้จ่ายชำระค่าบริการไว้แล้วล่วงหน้า ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิลดลง แต่บริษัทยังคงสามารถรักษายอดขายและกำไรสุทธิให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น



กำลังโหลดความคิดเห็น