"ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง" ซื้อขายวันแรกเหนือจอง 1.20 บาท หรือ 13.04% มูลค่าซื้อขาย 4,866.39 ล้านบาท ผู้บริหารเผยหุ้นได้รับการต้อนรับจากนักลงทุน วางแผนปั้นรายได้แตะ 8 พันล้านบาทภายในปี 2569 ขณะโบรกฯ มอง SNNP ไตรมาสแรกมีกำไรจากรายการพิเศษและได้รับผลดีจาก COVID-19 ทั้งในและต่างประเทศ ให้ราคาเป้าหมายเหนือ 13-15 บาท
หุ้นของบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรก พบว่า เมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 11.90 บาท เพิ่มขึ้น 29.35% จากราคาจอง IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 9.20 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 12.30 บาท ต่ำสุดที่ 10.30 บาท และเมื่อปิดตลาด พบว่า ราคาหุ้นอยู่ที่ 10.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท หรือ 13.04% มูลค่าซื้อขาย 4,866.39 ล้านบาท
นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNNP เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ที่เชื่อมั่นในพื้นฐานทางธุรกิจและศักยภาพการดำเนินงานในอนาคต โดยมีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเป็นจำนวนมากกว่า 17 เท่าของจำนวนหุ้นที่เสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้แตะ 8 พันล้านบาท ภายในปี 2569 ด้วยการวางรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งในแง่ของกำลังการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนโดยรวม รวมถึงขยายการจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน ผ่านบริษัทย่อยทั้งกัมพูชา และเวียดนาม
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมิน SNNP ว่าจากผลการดำนินงานงวดไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรเพิ่มจากรายการพิเศษ แม้ยอดขายจะได้รับผลจาก COVID-19 ทั้งในและต่างประเทศ แต่ได้ส่วนช่วยจากการได้คู่ค้าใหม่ทำให้ยอดขายสินค้าอื่นดีขึ้นส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนที่ 1,103 ล้านบาท โดย margin เพิ่มเป็น 26.3% จาก 25.6% อีกทั้งค่าใช่จ่ายขายและบริหารลดลงจากค่าใช้จ่ายพนักงานลดลง หลังการใช้ระบบสารสนเทศมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลดลง และมีรายการพิเศษกำไรจากการสูญเสียการควบคุม บ.ย่อย 129 ล้านบาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ประเมินราคาเป้าหมายของ SNNP ที่ 13.70 บาท อิง 65 PER ที่ 28.0x โดยประเมินกำไรปกติปี 64 ที่ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 224% จากปีก่อนหนุน โดยรายได้รวมและ GPM ขยายตัวจากสัดส่วนรายได้ traditional trade ที่เพิ่มขึ้น SG&A expenses ปรับตัวลดลง 19% จากการ deconsolidation ของ SIRIPRO และ interest expenses ปรับตัวลดลง 48% จากปีก่อน ส่งผลให้กำไรปี 65 ที่ 468 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54% เทียบปีต่อปี พร้อมมองว่าปี 64 เป็นปีทองของ SNNP ที่จะเห็น V-shaped recovery และปี 65 ยังเติบโตต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศคลี่คลาย นอกจากนี้ ยังมี upside จากผลิตภัณฑ์ผสมกัญชง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ประเมินมูลค่าเหมาะสมสำหรับปี 65 ของ SNNP ที่ 15.10 บาท ด้วยวิธี DCF ที่ WACC 7.2% โดยคาดกำไรปกติปี 64 ที่ 291 ล้านบาท เติบโต 210% เทียบปีก่อน และทำ New high ในปี 65 ที่ 458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% และคาดทำระดับสูงสุดใหม่ถึงปี 67 เป็นอย่างน้อยจากโรงงานในเวียดนามเริ่ม COD ตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งสินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักดีในไทยและในเอเชีย ผ่านการลงทุนหนักไปแล้ว พร้อมแล้วที่จะเติบโต โดยคาดกำไรเติบโตที่ 18% CAGR 5 ปี จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ SNNP ที่ลงทุนใหญ่ไปแล้ว และยังมีกำลังการผลิตเหลือจึงสามารถปรับกลยุทธ์ด้านขนาด และราคาได้เร็วเพื่อสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค
ทั้งนี้ SNNP ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว มีตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย อย่างกลุ่มเครื่องดื่ม ทั้งเจเล่ ไดยาโมโตะ คูลลี่คูล และเมจิกฟาร์ม และขนมขบเคี้ยว ประกอบด้วย เบนโตะ ทาโกะ โลตัส ช๊อคกี้ เป็นต้น ซึ่งบริษัทจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้ง Modern Trade และ Traditional Trade โดยมียอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศกลุ่ม CLMV อย่างกัมพูชา และเวียดนาม นอกจากนี้ SNNP ยังมีเงินลงทุนในกิจการที่ทำธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงในการจัดจำหน่ายสินค้าของตนเองลดการพึ่งพิงผู้จัดจำหน่ายภายนอก และส่งเสริมให้บริษัทเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น