Tether หรือ USDT ซึ่งเป็น Stablecoins สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดโดยผูกโยงกับดอลล่าห์ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือเหล่าแก๊งมิจฉาชีพ ใช้ล่อลวงผู้เสียหายให้ตกเป็นเหยื่อในรูปแบบการลงทุนซึ่งผ่านช่องทางการที่โอนไปยังธนาคารในสิงคโปร์ และที่อื่น ๆ ท่ามกลางกระแสอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
จากการรายงานของ forkast ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของฮ่องกงได้ออกมาเปิดเผยถึงโครงการฟอกเงินสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าความเสียหายคิดเป็นจำนวนมากถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกลายเป็นเป็นคดีฟอกเงินผ่านระบบสกุลเงินเสมือนครั้งแรกของฮ่องกงที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 5 พันล้านบาท
ขณะที่กรมศุลกากรและสรรพสามิตของฮ่องกงกล่าวในแถลงการณ์ร่วมว่า ขณะนี้ทางการฮ่องกงได้ดำเนินการภายใต้ชื่อรหัสว่า “Coin Breaker" เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อจับกุมองค์กรที่ต้องสงสัยว่ามีการฟอกเงินเมื่อต้นปีนี้ โดยในปฏิบัตการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมผุ้ต้องสงสัยจำนวน 4 ราย โดยมีอายุระหว่าง 24 ถึง 33 ปี ซึ่งต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ และสมคบคิดเพื่อจัดการกับสินทรัพย์ที่หามาได้จากการฟอกเงิน โดยพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 ราย ได้เปิดบัญชีกับธนาคารหลายแห่งในฮ่องกง และ ทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินเสมือน ซึ่งหลังจากที่ถูกจับได้ ผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 ราย ได้ยื่นของประกันตัว และได้รับการประกันตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งบทลงโทษสูงสุดสำหรับการตัดสินลงโทษคือชำระค่าปรับเป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง และจำคุกเป็นเวลา 14 ปี
ขณะที่ Mark Woo หัวหน้าสำนักงานสืบสวนคดีอาชญากรรมยืนยันในแถลงการณ์ว่า สกุลเงินเสมือนที่เป็น stablecoins อย่าง Tether หรือ USDT มีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมครั้งนี้ โดยระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ถึงพฤษภาคม 2564 มีจำนวนเงินที่น่าสงสัยประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินผ่านธนาคาร และการชำระเงินด้วยสกุลคริปโตที่ผิดกฎหมายดังกล่าว
ด้าน South China Morning Post รายงานว่า เงินทุนที่น่าสงสัยมากกว่า 60% ถูกโอนผ่านบัญชีธนาคารในสิงคโปร์ และทางการฮ่องกงวางแผนที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้บังคับใช้กฎหมายของสิงคโปร์
ขณะที่จากการรวบรวมข้อมูลล่าสุดของ Crypto Head เผยว่า ในสหรัฐอเมริกา อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 300% ทุกปี นับตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2563 โดยผลการศึกษายังพบว่า อาชญากรรมคริปโตกำลังเพิ่มขึ้นในออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร แม้ว่าจะไม่มากเท่าสหรัฐฯ ก็ตาม แต่อาชญากรรมคริปโตส่วนใหญ่ใน 3 ประเทศเกี่ยวข้องกับ Bitcoin ในขณะที่อันดับสองพบใน Ethereum
อีกรายงานหนึ่งที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม สำนักงานคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐอเมริกาประมาณการว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันสูญเสียเงินรวมกว่า 80 ล้านดอลลาห์สหรัฐ จาก scam ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลระหว่างเดือนตุลาคม 2563 ถึงพฤษภาคม 2564 โดยมีผู้เสียหายเกือบ 7,000 รายในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีจำนวนความเสียหายเฉลี่ยต่อบุคคลอยู่ที่ 1,900 ดอลลาห์สหรัฐ
