"ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป" ยืนยันผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ และสุกรของบริษัทฯ มีความปลอดภัยสูงได้มาตรฐานสากล พร้อมเพิ่มความเข้มงวดกระบวนการควบคุมคุณภาพ พ่นฆ่าเชื้อโรคทุกจุด ผู้บริหารเผยผู้บริโภคสามารถบริโภคเนื้อสัตว์ได้ตามปกติ แนะเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน ประเมินครึ่งปีหลังแนวโน้มราคาสุกรฟื้นตัว เดินหน้าขยายพ่อแม่พันธุ์ตามแผน มั่นใจสนับสนุนผลงานปี 64 โตเข้าเป้า 10-15%
นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่า บริษัทฯ และบริษัทในเครือในฐานะผู้ผลิตสินค้าปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์ไก่และสุกร เห็นความสำคัญและตระหนักถึงความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นสำคัญ สุกรและไก่ทุกตัวที่เลี้ยงภายใต้ระบบการเลี้ยงของบริษัทจะถูกเลี้ยงอยู่ในภายในฟาร์มที่ได้รับรองมาตรฐานฟาร์ม (GAP Standard) จากกรมปศุสัตว์ โดยระบบการเลี้ยงแบบ EVAP system 100% ทุกโรงเรือนจะมีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการระบายอากาศภายในโรงเรือน และเป็นไปตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ “Five Freedoms” อีกทั้งยังได้รับการดูแลการจัดการจากสัตวบาลที่มีประสบการณ์ และมีสัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลด้านสุขภาพของสัตว์
รวมทั้ง TFG ยังมีระบบการควบคุมคุณภาพตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตสุกรและไก่ ซึ่งจะได้รับอาหารจากโรงงานอาหารสัตว์ที่มีมาตรฐานทั้ง GMP และ HACCP กระบวนการขนส่ง ไปจนถึงโรงชำแหละที่ได้รับรองมาตรฐานการส่งออก และมีกระบวนการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพจากฟาร์มถึงโรงงาน โดยทีม Food Safety เพื่อให้มั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าผลิตภัณฑ์ไก่และสุกรมีความปลอดภัยจากยาปฏิชีวนะตกค้าง ปลอดสารเร่งเนื้อแดง ปลอดภัยจากสารเคมี และปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน
“ในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นนี้ บริษัทฯ ได้มีนโยบายเน้นย้ำและเพิ่มความเข้มงวดในกระบวนการควบคุมคุณภาพ มีการพ่นฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอในทุกจุดตลอดการเลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านมาตรการรักษาสุขอนามัย โดยพนักงานทุกคนที่มีการปฏิบัติงานที่ต้องสัมผัสกับสัตว์ และกระบวนการเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนภายในโรงชำแหละ ต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย จุ่มเท้าฆ่าเชื้อ สเปรย์มือด้วยแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย และมีการตรวจสอบทุกครั้งก่อนเข้าปฏิบัติงาน ขณะที่บริษัทฯ ใส่ใจความปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงแนะนำให้เลือกซื้อเนื้อสัตว์ด้วยความระมัดระวัง โดยพิจารณาจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐาน และมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่ดี
ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าปริมาณความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่แนวโน้มราคาสุกรเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น ดังนั้น จึงมั่นใจว่าผลงานในปี 2564 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเติบโตในระดับ 10-15% โดยธุรกิจสุกรจะขยายตัวจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น และราคาที่อยู่ในระดับที่ดี อีกทั้งราคาขายในเวียดนามยังคงยืนในระดับสูงเช่นกัน
รวมทั้งการขยายฟาร์มระดับพ่อแม่พันธุ์สุกรทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม เริ่มดำเนินไปแล้วบางส่วน อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากการได้รับใบอนุญาตให้ส่งออกไปที่สหภาพยุโรป (EU) เพิ่มเติมในส่วนของสินค้าปรุงสุก รวมไปถึงการขยายธุรกิจร้านสะดวกซื้อ สำหรับเนื้อสดในรูปแบบตลาดสดภายใต้ชื่อร้าน Thai foods fresh market (ตลาดสดไทยฟู้ดส์) โดยปัจจุบันมี 21 สาขา ตั้งเป้า 50 สาขาในปีนี้ เพื่อมั่นใจในคุณภาพระดับสูงทุกสาขาเข้าสู่มาตรฐานการรับรอง "ปศุสัตว์OK" ของกรมปศุสัตว์ ในส่วนของเนื้อสุกร เนื้อไก่และไข่ไก่สด และในปี 2564 ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เนื้อสัตว์ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมน่าจะดีขึ้น ช่วยผลักดันรายได้กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง