ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่แต่ละวันพุ่งทะยานอย่างน่ากลัว เกือบทะลุ 10,000 รายแล้ว ขณะที่ผู้เสียชีวิตเฉียด 100 คน จนรัฐบาลต้องประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่สีแดง และกังวลกันว่า จะซ้ำเติมให้เศรษฐกิจทรุดหนัก แต่ตลาดหุ้นกลับไม่สั่นไหวกับสถานการณ์ “โควิด-19” มากเท่าใดนัก
ดัชนีหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ฟื้นตัวขึ้นกลับมายืนเหนือ 1,550 จุดอีกครั้ง โดยปิดที่ 1,552.09 จุด เพิ่มขึ้น 8.42 จุด หลังจากวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคมทรุดลงหนักกว่า 32 จุด จนหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,550 จุด เนื่องจากความกังวลในการแพร่ระบาด “โควิด-19” ระลอก 3
ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะมีวิกฤตโควิด-19 อย่างหนัก แต่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงและต่อเนื่อง
ท่ามกลางความกลัวผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” แต่ตลาดหุ้นกลับขยับขึ้น และสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นรายวัน
ส่วนตลาดหุ้นไทยแม้ยังไม่สามารถก้าวข้ามจุดสูงสุดก่อนเกิด “โควิด-19” ได้ แต่ดัชนีหุ้นก็ไม่ได้ปักหัวลง และไม่เกิดความผันผวนรุนแรง แต่พร้อมขยับขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยดัชนีหุ้นที่กลับขึ้นมายืนเหนือ 1,550 จุดอีกครั้งเป็นเพราะแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ถือว่าหนักหน่วง และไม่มีสัญญาณว่ารัฐบาลจะควบคุมอยู่ ขณะที่การจัดหาวัคซีนยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ จนเกรงว่าการแพร่ระบาดจะลุกลามจนเหนือการควบคุม ทำให้ระบบสาธารณสุขล้มเหลว
สิ่งที่นักลงทุนหวาดหวั่นกันคือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจหยุดไม่อยู่ และพุ่งทะลุ 10,000 ราย เช่นเดียวกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่อาจได้เห็นตัวเลข 100 รายในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะส่งผลผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
แม้ตลาดหุ้นยังทรงตัวอยู่ได้ ไม่ผันผวนรุนแรงตามสถานการณ์โควิด-19 แต่นักลงทุนรู้ดีว่าจะต้องระมัดระวังตัวในการลงทุนมากขึ้น เพราะหุ้นพร้อมจะพลิกผันตลอดเวลา และไม่อาจปฏิเสธถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดได้
แผนการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอาจต้องพับลงไป เศรษฐกิจที่หวังว่าจะฟื้นอาจต้องฟุบยาว
ปัจจัยภายนอกที่สดใส ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยานต่อเนื่อง เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาร้อนแรง ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งขึ้น อาจเป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เพราะหากพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี หุ้นคงไปไหนไม่ได้ไกล
และการที่ดัชนีหุ้นยืนเหนือระดับ 1,550 จุดได้ต้องถือว่าเก่งแล้ว แต่คำถามคือจะยืนอยู่ได้นานเท่าใด หากสถานการณ์โควิด-19 ยังเลวร้ายต่อไป
นักลงทุนรายย่อยปีนี้ยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยซื้อหุ้นสุทธิมียอดสะสมจากต้นปี 119,167.60 ล้านบาท และเป็นกลุ่มที่แบกหุ้นต้นทุนสูงในมือ แต่รายย่อยอาจเริ่มถอดใจบ้างแล้ว เพราะโควิด-19 ระลอกใหม่ร้ายแรงมาก
แม้ตลาดหุ้นจะแข็งขืนกับผลกระทบโควิด-19 ไม่ทรุดลงแรง แต่อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะต้องเฝ้ารอดูสถานการณ์โดยไม่รีบเก็บหุ้น ไม่เพิ่มวงเงินลงทุน และควรเพื่อสัดส่วนการถือเงินสดมากกว่าหุ้น
เพราะปัจจัยแวดล้อมตลาดหุ้นมีแต่ข่าวร้ายปัจจัยลบ ไม่มีข่าวดีที่จะผลักดันให้ดัชนีหุ้นตีฝ่าขึ้นไปยืนเหนือ 1,600 จุดอีกครั้ง แต่โอกาสที่จะทรุดลงไปหาแนวรับ 1,500 จุดมีมากกว่า
ถ้าวิกฤตโควิด-19 ยังแรง ถอยห่างจากตลาดหุ้นชั่วคราวก่อนจนกว่าวิกฤตจะคลี่คลาย หรือมีสัญญาณหุ้นกลับสู่ขาขึ้นรอบใหม่
แต่ระยะสั้นยังมองไม่เห็นสัญญาณการดีดตัวกลับของตลาดหุ้น
