Visa สถาบันเครดิตการเงินระดับโลก เตรียมปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ สร้างระบบนิเวศน์ทางการเงินสำหรับโลกใหม่เพื่อรองรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและ crypto ที่กำลังเติบโตอย่างมาก ให้มีความสะดวก และใช้งานได้มากขึ้น พร้อมจับมือ 50 แพลตฟอร์มด้านคริปโต เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัล ชำระเงินได้ที่ร้านค้าหลายล้านรายทั่วโลก ผ่านบัตรเครดิตของ Visa
จากรายงานของสำนักข่าว CNBC ระบุถึงถ้อยแถลงของ Vasant Prabhu หัวหน้าฝ่ายการเงินของ Visa ว่า ขณะนี้ทาง Visa ได้มีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และ Crypto ที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยได้มีการปรับปรุงระบบเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ทำให้สกุลเงินดิจิทัลใช้งานได้หลากหลายและเทียบเท่ากับสกุลเงินอื่นๆ แม้ว่าในขณะนี้สกุลเงินคริปโตจะยังมีความผันผวนและเป็นปัญหาอยู่มาก ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มักจะเริ่มใช้สินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยน ด้วยสกุลเงินที่รัฐรับรอง
ขณะที่จากการวิจัยล่าสุดจาก Mastercard พบว่า 93% ของผู้บริโภคในอเมริกาเหนือ วางแผนที่จะใช้สกุลเงินดิจิทัลหรือเทคโนโลยีการชำระเงินที่เกิดขึ้นใหม่อื่น ๆ เช่น ระบบไบโอเมตริกซ์ ระบบไร้สัมผัส หรือระบบ QR code ในปีหน้า และการศึกษายังแสดงให้เห็นว่า 75% ของคนเจน Y จะใช้สกุลเงินดิจิทัลหากพวกเขาเข้าใจดีขึ้น
“จากข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้พบว่าผู้ใช้เงินดิจิทัลจำนวนมากในเครือข่ายของ Visa ซื้อสกุลเงินดิจิทัลที่เว็บเทรดที่ได้รับการควบคุมเหล่านี้ และเท่าที่เห็นแนวโน้มเหล่านั้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบัตร Visa ได้มีการบันทึกธุรกรรม Crypto มูลค่ารวมกันกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2564 ” Prabhu กล่าว
นอกจากนี้ Visa ได้ออกประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าแพลตฟอร์ม FTX ซึ่งก่อตั้งโดยมหาเศรษฐี Sam Bankman-Fried กำลังจะถูกเพิ่มเข้าไปใน Fintech Fast Track Program โดยเน้นไปที่การทำให้สกุลเงินดิจิทัลใช้งานได้จริงมากขึ้นสำหรับการใช้จ่ายของผู้บริโภคและธุรกิจ แต่กระนั้นบริษัทไม่มีแผนระยะสั้นในการเพิ่มสกุลเงินดิจิทัลใด ๆ ลงในงบดุล เหมือนที่เกิดขึ้นใน Tesla หรือ MicroStrategy และบริษัทอื่นๆ ที่ได้ทำไปเมื่อเร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนที่จะร่วมมือกับ 50 แพลตฟอร์มด้านคริปโต เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลชำระเงินได้ที่ร้านค้าหลายล้านรายทั่วโลก ผ่านบัตรเครดิตของ Visa ซึ่งบริษัท crypto เหล่านี้รวมถึง Coinbase, Block, Crypto.com และอื่น ๆ อีกมากมาย
ด้านนาย Cuy Sheffield หัวหน้าฝ่าย Crypto ของ Visa กล่าวว่า แพลตฟอร์มคู้ค้าส่วนใหญ่ของบริษัทนั้นมาจาก Fintech Fast Track Program ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยกระตุ้นให้บริษัทพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในเครือข่ายของ Visa และขยายการเติบโตของโปรแกรมบัตรเครดิต โดยปัจจุบันหนึ่งในสี่ของบริษัทในโครงการ Fast Track ของ Visa’s North America กำลังเตรียมออกบัตรที่เชื่อมโยงอยู่กับคริปโต โดยในเดือนมีนาคมของปีนี้ Visa ได้ประกาศใช้ USDC ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับการสนับสนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมกับ Visa บนบล็อกเชนของ Ethereum
“เราเห็นกระเป๋าเงินและธนาคาร neo-banks ที่สร้างผลิตภัณฑ์การชำระเงินทั้งหมดด้วยสกุลเงินดิจิทัล และเราต้องการพบกับบริษัทเหล่านี้ในพื้นที่ของพวกเขา” Sheffield กล่าวให้สัมภาษณ์กับทาง Blockworks “ความสามารถของ Visa ในการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลนั้นสามารถให้ผลประโยชน์และประสิทธิภาพที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัท fintechs ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรม Crypto”
ทั้งนี้จากผลสำรวจในเดือนพฤษภาคมนั้นที่จัดทำโดย Mastercard ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของ Visa พบว่า 93% ของผู้คนใน 18 ตลาดทั่วโลกกล่าวว่า พวกเขาจะพิจารณาใช้ช่องทางการชำระเงินที่เพิ่งเกิดใหม่อย่างน้อยหนึ่งวิธี อาทิเช่น สกุลเงินดิจิทัล ไบโอเมตริกซ์ ระบบไร้สัมผัส หรือรหัส QR Code ภายในปีหน้า ซึ่งจากการสำรวจพบว่า 71% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่า พวกเขาคาดว่าจะเลือกใช้การชำระเงินแบบสังคมไร้เงินสดในอนาคตซึ่งโดยรวมแล้วกว่า 40% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้สกุลเงินดิจิทัลในปีหน้า ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนสองในสามของกลุ่มคนเจนมิลเลนเนียลกล่าวว่า พวกเขาเริ่มยอมรับการใช้สกุลเงินดิจิทัลมากกว่าปีที่แล้ว