นักวิชาการเห็นด้วยรัฐบาลล็อกดาวน์เพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19 หวั่นหากไม่ออกมาตรการมาระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลวแน่ แนะเร่งหาเม็ดเงินอัดฉีดเข้าระบบเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงมติที่ประชุม ศบค. เห็นชอบล็อกดาวน์ 14 วัน และตั้งเป้าลดจำนวนผู้ป่วยให้ได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ รวมถึงจะต้องลดสกัดกั้นการเดินทางตั้งแต่พรุ่งนี้ (10 ก.ค.) เป็นต้นไปนั้น ถือว่าภาครัฐบาลต้องการที่จะหยุดการติดเชื้อของประชาชนให้น้อยลงให้ได้ภายในระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งหากไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาขณะนี้เชื่อว่าโอกาสประชาชนจะติดเชื้อในแต่ละวันจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว โดยเฉพาะจะไม่มีเตียงให้บริการผู้ป่วยอย่างเพียงพอ
ทั้งนี้ นอกจากจะทำให้ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลวแล้ว ยังจะส่งผลกระทบต่อการแก้ไขฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งระบบอีกด้วย ดังนั้น คงจะต้องติดตามต่อไปว่ารัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์นานแค่ไหน หากภายใน 14 วันและทุกอย่างดีขึ้นก็น่าจะส่งผลดีต่อประเทศ แต่หากระยะเวลาล็อกดาวน์นานเกินไปและไม่จบจะยิางทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจจะยิ่งลำบากมากขึ้น เพราะจะต้องดูว่ารูปแบบการล็อกดาวน์จะเหมือนกับช่วงต้นปี 63 หรือไม่ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวการล็อกดาวน์ในช่วงนั้นจะใช้เม็ดเงินเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 200,000-300,000 ล้านบาท ดังนั้น หากล็อกดาวน์ในครั้งนี้รัฐบาลจะต้องเตรียมเม็ดเงินอัดฉีดเข้าระบบไม่ต่ำกว่า 200,000-300,000 ล้านบาทต่อเดือนเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ภาครัฐจะต้องจัดหาวัคซีนเข้ามาอย่างเพียงพอเพื่อให้คนไทยทั้งประเทศสามารถฉีดวัคซีนป้องกันหมู่ให้ได้เพิ่มมากขึ้น