xs
xsm
sm
md
lg

‘วิชิต พยุหนาวีชัย’ นำทัพศรีสวัสดิ์ แคปปิตอลฝ่าวิกฤตโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วิชิต พยุหนาวีชัย ชูวิสัยทัศน์เข้าใจ เข้าถึง นำทัพ "ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล" ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เสริมแกร่งรอบด้านรับการแข่งขันยุค Next Normal

วิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด หรือ SCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย เปิดเผยว่า สถานการณ์เกือบ 2 ปีเต็มที่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้แพร่ระบาดอย่างหนัก นอกจากคร่าชีวิตและสุขภาพของผู้คนกว่า 160 ประเทศแล้ว ยังสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาคธุรกิจน้อยใหญ่และตลาดทุนทั่วโลก โดยเอสแคปได้นำแนวคิดเข้าใจ เข้าถึง ด้วยวิธีการนำคน+เทคโนโลยี มาผสมผสานร่วมกันเพื่อพร้อมปรับตัวและรับมือต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เอสแคปเดินหน้าช่วยเหลือคนไทยได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

แนวคิดในการดำเนินธุรกิจของเอสแคป ซึ่งมีแผนเริ่มเกมรุกพร้อมๆ กับที่สังคมไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย จากที่เอสแคปวางแผนมุ่งสู่การเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อในอีก 2-3 ปี ในขณะเดียวกัน ต้องปรับกระบวนทัพและเสริมแกร่งรอบด้านรองรับการแข่งขันจาก New Normal ความปกติใหม่ในการอยู่ร่วมกับโควิด-19 สู่ Next Normal ความปกติในระยะถัดไปหลังโควิด-19 เพราะแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย แต่ผลจากการเปลี่ยนแปลงของโรคระบาดครั้งนี้ส่งผลต่อวิถีชีวิตผู้คน สังคม และเศรษฐกิจจะยังคงอยู่กับเราไปอีกระยะเวลาหนึ่ง เหมือนเป็นโรคไข้หวัด ที่เมื่อเป็นแล้วก็ต้องรักษา และป้องกันไม่ให้คนอื่นๆ เป็นไปด้วย ดังนั้น ต้องปรับปรุงวิธีการทำงานเพื่อให้อยู่กับโควิด-19 ให้ได้อย่างปกติในภาวะที่ไม่เป็นปกติเช่นนี้ และเราต้องเตรียมพร้อมให้ทุกส่วนขององค์กรเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างปกติในภาวะไม่ปกติ หรือการที่พนักงานไม่สามารถมานั่งทำงานร่วมกันได้เหมือนในยามปกติ ทั้งนี้ เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการสัมผัสกันของพนักงานนั่นเอง

กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจสำหรับ Next Normal ของทางเอสแคป คือ การเข้าใจ เข้าถึง โดยเน้นให้ คน+เทคโนโลยีสามารถทำงานร่วมกันได้ในทุกสถานที่และทุกเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีการทำงานให้มีความทันสมัย สะดวกกับการใช้งาน พนักงานสามารถทำงานได้อย่างปกติโดยใช้เครื่องมือใกล้ตัว เช่น โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์โฟนในการทำงาน ทำให้บริษัทฯสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติในทุกโอกาส แม้ไม่มีพนักงานมานั่งทำงานที่สำนักงานแม้แต่คนเดียว และจากนี้เอสแคปจะรุกหนักพื้นที่ท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อสร้างการเข้าถึง เข้าใจ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เพราะจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการกลับไปลงทุนและใช้ชีวิตในบ้านเกิดมากขึ้น โดยปัจจัยหลักอยู่ที่การเข้าถึงแหล่งเงินทุน จึงเกิดการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อยในพื้นที่ต่างจังหวัด จากเดิมที่อาจกระจุกตัวในหัวเมืองใหญ่ ขณะเดียวกัน พบพฤติกรรม มุมมอง และวิธีการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเปลี่ยนแปลงไป บริษัทฯ จึงต้องเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ เจ้าหน้าที่สาขาให้บริการ รวมถึงระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานอัจฉริยะให้รองรับและพร้อมอยู่เสมอกับการขับเคลื่อนสู่ยุค Next Normal

“สำหรับยุค Next Normal มีอีกหลายปัจจัยพื้นฐานในชีวิตที่ผู้คนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปเยอะมาก โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยมีแบ่งออกเป็น 10 ปัจจัย ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ โซเชียลมีเดีย สินค้าอุปโภคบริโภค FMCG เงิน เครื่องนุ่งห่ม ยา โทรศัพท์มือถือ และพลังงาน ซึ่งได้กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภค และเรื่องเหล่านี้ทางเอสแคปไม่เคยมองข้ามและพยายามปรับตัวรอบด้านให้ได้ยืนหยัดเคียงข้างกับสังคมไทยต่อไป” นายวิชิต กล่าวเสริม

นอกจากนี้ การดูแลความเป็นอยู่ที่ดีแก่พนักงานในยามวิกฤตนับเป็นสิ่งที่สำคัญลำดับต้นๆ ของหน้าที่ผู้บริหาร ตลอดจนการสร้างความเชื่อมั่นให้คนทำงาน เพราะช่วงเวลานื้คือการเปลี่ยนแปลงที่ทุกองค์กรไม่เคยเจอมาก่อน ฉะนั้นในฐานะของหัวเรือใหญ่ต้องหาทางที่จะอยู่รอด ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้พนักงานทุกคน รับฟังความคิดเห็นในช่วงเวลาที่พนักงานต้องการความมั่นคงทางจิตใจ ส่งผลให้เกิดการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานในระยะยาวต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น