นโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลายเป็นนโยบายที่สร้างทั้งความหวังและความกังวลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้อยู่ในขั้นวิกฤตหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นถึง 4,000 รายต่อวัน ซึ่งสวนทางกับ นโยบายดังกล่าวที่พยายามควบคุมให้เกิดการแพร่ระบาดลดลง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการเปิดประเทศดังกล่าวยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่นำร่องอย่างจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีการใช้เป็นพื้นที่แรกในการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ภายใต้ชื่อ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” โดยที่ผ่านมาเพื่อให้ทันกับการเปิดรับนักท่องเที่ยว รัฐบาลได้ทุ่มวัคซีนลงพื้นที่ภูเก็ตจำนวนมากทำให้ปัจจุบันยอดการฉีดวัคซีนของประชาชนในจังหวัดภูเก็ตมีสัดส่วนอยู่ที่ 75% และทยอยเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งทำให้ภูเก็ตมีความพร้อมที่จะรองรับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวแล้วในปัจจุบัน
ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังกังวล คือแม้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาจะมีการฉีดวัคซีนครบโดสตามที่กำหนดแล้ว แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะไม่ติดเชื้อโควิด-19 หรือเป็นพาหะนำเขื่อได้อีก ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยซึ่งเดินทางไปท่องเที่ยวในภูเก็ตอยู่แล้วในปัจจุบันอาจมีการชะลอการเดินทางเข้าสู่ภูเก็ต ขณะเดียวกัน กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเองโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกายังมองว่าประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในช่วงที่มีการเปิดประเทศอาจจะไม่มากอย่างที่มีการคาดการณ์ไว้
ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่วนใหญ่มองว่าการเปิดประเทศจะเป็นความหวังของการฟื้นตัวกลับมาทางเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆ รวมถึงการฟื้นตัวของตลาด ที่อยู่อาศัย เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยในวันนี้ยังมีสต๊อกสะสมอยู่ในตลาดจำนวนมากและการเข้ามาของชาวต่างชาติจะเป็นอีกความหวังหนึ่งที่จะช่วยระบายสต๊อกในตลาดให้มีจำนวนลดลงโดยเฉพาะกลุ่มสต๊อกคอนโดมิเนียม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาครัฐนั้นได้มองข้ามช็อตไปแล้วว่าหากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ประสบความสำเร็จก็จะมีการขยายพื้นที่รองรับการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยในเฟสต่อไปจะใช้สมุย ซึ่งมีพื้นที่เป็นเกาะและภูมิประเทศที่ปิดง่ายต่อการควบคุมการเดินทางเข้าออกในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอกจากนี้ เขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณารองรับการเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้ นโยบายดังกล่าวส่งผลต่อการตื่นตัวของผู้ประกอบการในพื้นที่ EEC ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ ในพื้นที่ EEC ซึ่งมีมุมมองที่ต่างกันออกไป
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงมุมมองต่อการเปิดประเทศใน 120 วันว่า หากสามารถเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตามนโยบาย 120 วันจริง จะมีผลให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาได้เร็วขึ้น สถานการณ์ของธุรกิจโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วยแม้ว่าในปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรมต่างๆ จะสามารถพยุงตัวอยู่ได้จากกำลังซื้อและการท่องเที่ยวของคนในประเทศ แต่สถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวก็ไม่ได้ขยายตัวเหมือนในช่วงปกติ
ในปัจจุบันตลาดที่พักอาศัยเพื่อขายและเพื่อเช่าที่ยังสามารถพยุงตัวอยู่ได้คือ ตลาดระดับบนหรือตลาดลักชัวรี ส่วนตลาดระดับล่างนั้นค่อนข้างลำบาก ทั้งนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบันสินค้าของฮาบิแททฯ ถือว่ายังสามารถทำตลาดได้ต่อเนื่อง โดยกำลังซื้อส่วนใหญ่ยังมาจากกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากโครงการนำร่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ประสบความสำเร็จและมีการขยายพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวเพิ่ม EEC คือหนึ่งในพื้นที่ สำคัญที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวนักลงทุนจากต่างชาติ ดังนั้น กลุ่มธุรกิจต่างๆ ในพื้นที่จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการกลับมาของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
สำหรับการขยายพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเฟสต่อไป หากรัฐบาลใช้พื้นที่ EEC ในการรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเชื่อว่าจะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองพัทยากลับมาขยายตัวก่อนพื้นที่ระยอง หรือฉะเชิงเทรา เนื่องจากพัทยาถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของพื้นที่ EEC สำหรับตลาดพัทยามีลูกค้าหลักแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว ซึ่งจะมีผลต่อตลาดท่องเที่ยวบริการ ร้านค้า ร้านอาหาร และกลุ่มลูกค้าในตลาดอสังหาฯ โดยปัจจุบันตลาดท่องเที่ยวในพัทยาที่ยังสามารถพยุงตัวอยู่ได้เพราะกำลังซื้อจากลูกค้าชาวไทยเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดยังสามารถพยุงตัวอยู่ได้แต่ก็ไม่เหมือนเดิม ดังนั้น หากมีการเปิดประเทศได้จริงจะทำให้ตลาดท่องเที่ยวและอสังหาฯ สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วขึ้น เพราะจะมีกำลังซื้อจากลูกค้าต่างชาติเข้ามาเสริม
ที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบให้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปจากตลาด ทำให้ตลาดพัทยาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ดังนั้นหากมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวก็จะส่งผลดีต่อตลาดที่อยู่อาศัยพัทยาในทันที
“ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทุกรายต่างเชื่อว่าการเปิดประเทศจะส่งผลบวกต่อตลาดให้กลับมาขยายตัวได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา ทุกรายจึงรอให้นักท่องเที่ยวกลับมาและต้องการให้มีการเปิดประเทศให้เร็วที่สุด ในส่วนของฮาบิแททฯ นั้นแม้ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่บริษัทยังทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในพื้นที่พัทยาและกรุงเทพฯ ทั้งนี้ หากคุณลูกค้าต่างชาติกลับเข้ามาบริษัทก็พร้อมจะตั้งทีมขายเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและขยายตลาดออกไปในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น”
สำหรับพื้นที่ EEC ที่รัฐมีแผนจะใช้เป็นพื้นที่รองรับต่างชาติในเฟสถัดไป ล่าสุด บริษัทได้รับการแจ้งจากเทศบาลเมืองพัทยาแล้ว และคาดว่าประมาณเดือนตุลาคมจะได้ความชัดเจน หลังจากการเฝ้าดูการตอบรับจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และได้รับความชัดเจนในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นคาดว่าจะมีการขยายพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกไปในชลบุรี สัตหีบ ศรีราชา บางแสน และขยายไปในจังหวัดรอบได้เช่น จังหวัดระยอง จังหวัดฉะเชิงเทรา
“การเข้ามาใช้พื้นที่ EEC รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในเฟสถัดไปนั้นแน่นอนว่าพัทยาซึ่งเป็นศูนย์กลางของพื้นที่ จะเป็นจุดแรกที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเนื่องจากพื้นที่พัทยาเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนประชากรไม่มาก หากรัฐบาลสามารถระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนแบบปูพรมให้มีส่วน 50% ของประชาชนในพื้นที่ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ได้มากกว่าการทยอยฉีด โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการฉีดวัคซีนประมาณ 1-2 เดือน”
สำหรับกระแสตอบรับจากนักลงทุน พาร์ตเนอร์ และเอเยนซีต่างชาติต่อนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ของรัฐบาลนั้น ได้รับการตอบรับที่ดีมากโดยพันธมิตรต่างๆ ของบริษัทได้มีการติดต่อเข้ามาทั้งในกลุ่มที่ต้องการเช่าและซื้อ โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อเข้ามาจากลูกค้าทั้งในกลุ่มนักลงทุนและกลุ่มซื้อเพื่อพักอาศัยบางส่วนสามารถปิดการขายได้แล้ว
“จากแมสเสจที่นายกรัฐมนตรีส่งออกมานั้นส่งผลต่อการตัดสินใจและการแสดงความสนใจจากลูกค้าชาวต่างชาติมีความชัดเจนมากขึ้นซึ่งหากมีการเปิดประเทศจริงกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักลงทุนดังกล่าวก็พร้อมที่จะเดินทางเข้ามาอย่างแน่นอน”
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวว่า สำหรับนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วันของนายกรัฐมนตรีนั้นหากสามารถดำเนินการได้จะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศนั้นต้องพิจารณาก่อนว่าผลตอบรับจากการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องจะได้รับผลตอบรับดีมากน้อยขนาดไหน โดยคาดว่าระยะเวลาในการติดตามสถานการณ์ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน โดยโครงการดังกล่าวน่าจะดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากประชาชนในภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก
ส่วนโอกาสที่จะขยายพื้นที่ใหม่เพิ่มเติมต่อจากจังหวัดภูเก็ต คือ เกาะสมุย ซึ่งน่าจะมีโอกาสมากที่สุด ขณะที่ใพื้นที่ 3 จังหวัด EEC นั้นขณะนี้ยังบอกไม่ได้โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรีนั้น ขณะนี้ปริมาณการฉีดวัคซีนของประชาชนในพื้นที่ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาถือว่าเป็นครั้งล่าสุดที่มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการฉีดวัคซีนอีกเลย
ดังนั้น โอกาสที่ชลบุรีจะกลายเป็นพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวในเฟสต่อไปคงเป็นเรื่องยากเนื่องจากจำนวนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังมีปริมาณน้อย ประกอบกับพื้นที่ชลบุรีนั้นเป็นพื้นที่ที่มีกิจกรรมทางธุรกิจจำนวนมาก และหลากหลายประเภททำให้มีจำนวนการเดินทางเข้าออกของประชาชนในพื้นที่มีจำนวนมากและยากต่อการดูแล ต่างจากจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดสามารถตั้งด่านสกัดตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าออกได้ง่าย ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำได้ง่ายมากกว่าพื้นที่ 3 จังหวัด EEC
นอกจากนี้ เนื่องจากในพื้นที่ EEC เป็นพื้นที่ที่มีกิจกรรมทางธุรกิจที่หลากหลายและมีงานก่อสร้างจำนวนมาก ทำให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานอยู่เป็นประจำ ขณะเดียวกัน แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทำงานก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และมีการลักลอบเข้าสู่พื้นที่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อมีการตรวจเชิงรุกในแคมป์คนงาน หรือสถานที่ก่อสร้างต่างๆ จึงพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอยู่เป็นประจำซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก
สำหรับวิธีการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ EEC นั้นจากการที่ได้หารือร่วมกับทางจังหวัดชลบุรีและกรมแรงงาน พบว่า มีเพียงวิธีเดียวที่จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ได้คือ การเร่งฉีดวัคซีนให้ประชากรในพื้นที่ให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด แต่ปัญหาคือในขณะนี้จำนวนวัคซีนที่รัฐบาลนำเข้ามายังไม่เพียงพอกับความต้องการและยังไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ถึงจะมีวัคซีนเข้ามาให้ประชาชนในพื้นที่ได้ฉีดกันอย่างชัดเจน
“หากจะให้พื้นที่ EEC เป็นเฟสต่อไปที่จะใช้รองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย วันนี้รัฐบาลต้องระดมวัคซีนจำนวนมากเข้ามาฉีดให้ประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างภูมิให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทันตามกำหนดเวลา 120 วัน เพราะในการปลุกภูมิป้องกันนั้นต้องใช้เวลา แต่ทุกวันนี้จำนวนการฉีดวัคซีนในพื้นที่ทำได้เพียง 50,000 โดส จากเป้าหมาย 100,000 โดส”
นายมีศักดิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่านายกฯ รู้สถานการณ์ดีว่าธุรกิจในวันนี้ไปไม่ไหวแล้วแต่การเปิดประเทศภายใน 120 วันในเวลานี้ทำให้เราต้องเตรียมความพร้อมกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราทุกคนรู้ว่าในวันหนึ่งสถานการณ์เลวร้ายที่เป็นอยู่จะจบลง แต่ในวันนี้ประเทศไทยยังไม่มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์การระบาดของเชื้อ โควิด-19 เลย
ในวันนี้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจจะส่งผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจอย่างมาก แต่ประเทศไทยยังมีศักยภาพในการฟื้นตัวโดยเฉพาะหลังจบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วรัฐน่าจะส่งเสริมให้มีการเตรียมความพร้อมด้านการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจเนื่องจากเงินในระบบของประเทศไทยยังมีอยู่จำนวนมาก โดยในปี 63 ที่ผ่านมาปริมาณเงินฝากในสถาบันการเงินมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 10% ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับต่ำมาก
จากศักยภาพของปริมาณเงินสะสมในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยหากรัฐบาลมีการปรับเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุน เชื่อว่าประชาชนที่มีเงินที่พร้อมจะลงทุนยังมีอีกมากแต่จะต้องมีการส่งเสริมการลงทุนในภาคเอกชน เช่น การนำแหล่งป่าสงวนเสื่อมโทรมมาพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือพัฒนาเป็นแหล่งที่ท่องเที่ยว เป็นต้น
นายเปรมสรณ์ ศรีวิบูลย์ชัย นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดระยอง กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วยังกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเวลานี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากวัคซีนที่ทางรัฐบาลจัดสรรมาให้ประชาชนในพื้นที่ยังไม่เพียงพอ หากจะพูดถึงการเปิดประเทศภาย ใน 120 วัน และมีการขยายเฟสมาในพื้นที่จังหวัดระยองนั้น รัฐบาลต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วยว่าการเปิดประเทศในเวลานี้คุ้มหรือไม่เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้
“ที่ผ่านมา มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ได้น้อยมากและจำนวนวัคซีนที่จัดสรรมาให้ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน นอกจากนี้ ความชัดเจนในการจัดสรรวัคซีนให้ประชาชนยังไม่มี ขณะเดียวกัน มีการเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมวัคซีนได้ และเท่าที่ทราบมาในขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่เองก็ยังได้รับวัคซีนกันไม่ครบ และความพร้อมในการเปิดประเทศตามนโยบายของรัฐบาลจะเป็นไปได้อย่างไร”
สิ่งสำคัญขณะนี้คือ ความชัดเจนในเรื่องของการจัดสรรวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่และหากรัฐบาลสามารถจัดสรรวัคซีนให้เพียงพอกับประชาชนในพื้นที่ และมีการเร่งระดมการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ตามแผนและมีความชัดเจนในการจัดสรรการฉีดวัคซีนก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในพื้นที่และหากต้องการจะเปิดประเทศโดยใช้จังหวัดระยองเป็นพื้นที่รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในเฟสต่อไปก็เป็นเรื่องที่ดีมาก
“การจะใช้พื้นที่ 3 จังหวัด EEC รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเฟสถัดไปจากภูเก็ตนั้น ถ้าวัคซีนยังไม่พร้อมและยังไม่มีเพียงพออยากให้รัฐบาลพิจารณาให้ รอบคอบว่าการเปิดประเทศจะคุ้มหรือไม่กลับผลดีที่จะตามมา โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่มีการฉีดวัคซีน ขณะที่เชื้อไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่องหากเกิดระบาดในประเทศไทยหนักจะทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย”
ในขณะที่นโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วันของนายกรัฐมนตรีได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการธุรกิจอย่างล้นหลาม แต่ปัญหาการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังอยู่ในช่วงวิกฤตแม้ว่าการเปิดประเทศจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ความกังวลของผู้ประกอบการธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่ที่จะถูกนำมาใช้เป็นพื้นที่รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังกังวลเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและประชาชนในพื้นที่จะส่งผลกระทบที่รุนแรงและสร้างผลเสียมากกว่าผลดีที่จะตามมาจากการเปิดประเทศ
ดังนั้น โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลในวันนี้คือการควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ หรือการเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาชนในประเทศให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเปิดประเทศรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้ในอนาคต