ธนาคารกลางสหรัฐ มอง Tether หรือ USDT เป็นภัยต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน แม้ว่าจะเป็นสเตเบิ้ลคอยน์ก็ตาม
จากรายงานของ coindesk ระบุว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Eric Rosengren ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาบอสตัน ได้กล่าวถึงความท้าทายในเสถียรภาพทางการเงินโดยระบุว่ามี Tether อยู่ในรายการที่เฟดกำลังจับตามอง ถึงแม้ว่า USDT นั้นจะเป็นเพียง Stablecoin ก็ตาม เพราะว่ามันถือว่าเป็นสิ่งกีดขวางที่เกิดขึ้นใหม่ ’สำหรับตลาดสินเชื่อระยะสั้น หรือ Credit Market
"หากคุณมองไปในพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนเหล่านั้นก็คงจะดูเหมือนพอร์ตกองทุนตลาดเงินทั่วๆ ไป แต่มีความเสี่ยงมากกว่าเพราะเต็มไปด้วย Tether และ Stablecoin ซึ่งถึงแม้ว่า Tether จะมีทรัพย์สินอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง ที่ในช่วงที่มีโรคระบาด สเปรดของมันค่อนข้างกว้างสำหรับทรัพย์สินเหล่านั้น ซึ่งการที่สเปรดกว้างนั้น ในที่นี้หมายถึงการเทขาย และความแตกต่างของผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น ระหว่างสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอย่างหุ้นกู้ (Corporate bond) และที่ถือว่าปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาล (Treasury bond) ซึ่งเราควรจะตระหนัก ถึงสิ่งที่จะมาเป็นอุปสรรคต่อตลาดสินเชื่อระยะสั้นให้มากขึ้น และแน่นอน Stablecoin ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องตระหนักถึง"
อย่างไรก็ตามตลาดของ Stablecoin ที่ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำกับดูแลเสียเท่าไร โดยกำลังขยายใหญ่ขึ้น และจะกลายเป็นกลุ่มที่สำคัญต่อเศรษฐกิจมากขึ้น ดังนั้นควรที่จะเริ่มเอาจริงเอาจังเพื่อที่จะค้นหาว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้คนเข้ามาลงทุนกับมันให้เร็วที่สุด โดย Caitlin Long ผู้ก่อตั้ง Avanti Financial และผู้สนับสนุนบิทคอยน์มายาวนาน ก็ได้เสนอความเห็นเช่นกันว่า "สิ่งที่น่าสนใจก็คือ Lael Brainard (หนึ่งในบอร์ดบริหารเฟด) และ Jerome Powell (ประธานเฟด) ได้พูดถึงเพียงแค่ "Stablecoin" แต่ Eric Rosengren กลับพูดถึง "Tether" โดยตรง ซึ่งการตีกรอบประเด็นให้แคบลง ทำให้โฟกัสได้ง่ายขึ้น และนั่นคือการที่ทำให้น่าสนใจมากขึ้น
"ปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำคือ เทคนิคการพูดที่คลุมเครือของเฟด หรือ Fedspeak ที่เตรียมถ้อยแถลงออกมาอย่างเป็นทางการ ไม่เจาะจง Stablecoin อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ครั้งนี้เฟดกลับระบุชื่ออย่างเจาะจง ซึ่งไม่บ่อยนักที่เฟดจะพูดลักษณะนี้"
โดยการเผยข้อมูลสินทรัพย์ที่กล่าวถึง คือ กรณีที่มีการเผยข้อมูลสินทรัพย์ของ Tether และพบว่ากว่า 49% คือตราสารหนี้ระยะสั้น (Commercial Paper) ที่ไม่มีการระบุชื่อผู้ออก และไม่มีการจัดอันดับหนี้ โดยทิ้งไว้ซึ่งคำถามในเรื่องของสภาพคล่อง และความน่าเชื่อถือของ Tether เอง ว่าจริงๆ แล้ว Tether ที่อยู่ในตลาดนั้นมีสินทรัพย์อ้างอิงจริงๆ หรือไม่ (แต่หลังจากนั้นทาง Tether ก็ออกมากล่าวว่าตราสารหนี้ระยะสั้นส่วนใหญ่ออกโดยผู้ออกระกับ A-2 ขึ้นไป โดยที่ไม่ต้องระบุชื่อ) รวมถึงการที่ Eric Rosengren ได้แสดงสไลด์การนำเสนอ ที่แสดงให้เห็นรายการสินทรัพย์ต่างๆ ของ Tether ที่ถูกเผยออกมา ซึ่งก็มีรายการหนึ่งคือ Commercial Paper อยู่ที่ 49.6%
อย่างไรก็ดี USDT นั้นมีบทบาทสำคัญต่อมูลค่าทางการตลาดคริปโตมาก เหล่านักเทรดต่างใช้มันในการเคลื่อนย้ายเงินดอลลาร์ไปในแต่ละ Exchange เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการเก็งกำไร โดย Stablecoin นั้นถูกสร้างขึ้นมาให้ถูกซื้อขายในราคาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกับเงิน Fiat หรือเงินที่รัฐกำหนดอย่างเช่นดอลลาร์ แต่ในทางทฤษฎีแล้วมันควรจะสามารถแลกเงินได้แบบ 1-1 กับผู้ออกเหรียญเลย แต่ทั้งนี้ สินทรัพย์อ้างอิงของ Tether ก็ยังเป็นปริศนามาหลายปีนัก จนกระทั่งถูกเปิดเผยในครั้งนี้เอง
แต่ถึงแม้ว่าจะมีคำถามมาอย่างยาวนานสำหรับสถานะทางการเงินของ Tether แต่ USDT ก็ยังถูกซื้อขายในราคา 1 ดอลลาร์มาเกือบตลอดเวลาที่ผ่านมา โดย USDT ก็ยังเป็น Stablecoin ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งออกมาที่มีความขัดแย้งของราคาน้อยกว่าก็ตาม
ทั้งนี้ในเดือนที่ผ่านมา Jerome Powell ประธานเฟด กล่าวว่า จะมีเอกสารหนึ่งของเฟด ที่จะมีการเผยแพร่ออกมาในเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมนี้ โดยจะมีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้วยช่องทางดิจิทัล ที่กล่าวถึงความเสี่ยง และประโยชน์ของ CBDC (สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง) หลังจากที่เขาได้กล่าวพูดคุยเกี่ยวกับ Stablecoin แต่ไม่ได้กล่าวชื่อเหรียญใดอย่างเฉพาะเจาะจง โดยทางด้านของ Paolo Ardoino ประธานฝ่าย IT ของ Tether ได้กล่าวว่าการที่ Eric Rosengren กล่าวเช่นนี้ เนื่องจากเขามองเห็นการเติบโตของ Stablecoin รวมถึงนวัตกรรมอื่นๆ ในโลกของคริปโต และก็จำเป็นที่จะต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง Stablecoin ที่มีการอ้างอิงอย่างชัดเจนอย่าง Tether และการทดลอง ‘ที่อันตรายอย่างยิ่ง’ อย่าง Algorithmic Stablecoin ที่กำลังถูกใช้งานอยู่ในโลก DeFi
"มันน่าทึ่งนะ ที่การโตขึ้นของส่วนแบ่งทางการตลาดของนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ กลับถูกจับตามองโดยเฟดบอสตัน" Paolo Ardoino กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะให้ความรู้กับผู้บริโภค เกี่ยวกับความแตกต่างของ Stablecoin อย่าง Tether กับการทดลองต่างๆ นาๆ ที่กำลังถูกทำงานอยู่บน DeFi และ จะเป็นการดีที่จะให้นักลงทุนใช้เวลาศึกษาข้อมูลโครงการที่สนใจให้มากขึ้น โอกาสที่มาพร้อมกับผลตอบแทนที่สูงเกินจริงนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก โดยการทดลองที่ยังไม่คงที่อย่าง Algorithmic Stablecoin นั้น ไม่ควรจะถูกนำมารวมกับ USDT เพราะมันเป็นเพียงแค่การทดสอบการใช้งานที่ยังขาดความเข้าใจ ที่อยู่ชั้นล่างสุดของระบบคริปโทเคอร์เรนซี