"แอสเสท เวิรด์ฯ" ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ร่วมลงนามครั้งใหม่ จำนวน 5 ฉบับ กับกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (IHG) บริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อเสริมความเเข็งเเกร่งเเละเตรียมความพร้อมรับการฟื้นตัวของอุตฯ การท่องเที่ยวไทยในช่วงปลายปี มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ข้อตกลงด้านอสังหาฯ ดังกล่าวครอบคลุมโครงการพัฒนาโรงเเรมหรูที่เพิ่งสร้างใหม่แห่งเเรกในเยาวราช อย่างโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก ไชน่าทาวน์ (แปลงเวิ้งนาครเขษมของเจ้าสัวเจริญ) และอีก 2 โครงการในเยาวราชและพัทยา ซึ่งมีห้องพักรวม 629 ห้อง รวมทั้งอีก 2 โรงแรมภายใต้แบรนด์คิมป์ตัน
นางวัลลภา ไตรโสรัส (สิริวัฒนภักดี) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) กล่าวว่า AWC ยังมีความเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะมีอนาคตที่สดใสในระยะยาว จึงเดินหน้าวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายความร่วมมือกับกลุ่ม IHG ครั้งนี้ที่จะเพิ่มความหลากหลายให้พอร์ตโฟลิโอ ส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจควบคู่กับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในวงกว้างมากขึ้น พร้อมช่วยเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มระดับกลางถึงระดับสูงซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตอันใกล้ โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานการบริการระดับสากล
"เราเชื่อมั่นว่าการผสานพลังกับพันธมิตรระดับโลกอย่างกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (IHG) จะทำให้เราเดินหน้าร่วมกัน ยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความแข็งแกร่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชื่นชมโครงการคุณภาพของประเทศไทย"
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก ไชน่าทาวน์ (โครงการเวิ้งนาครเขษม) มีกำหนดเปิดตัวในปี พ.ศ.2569 จะเป็นโรงเเรมหรูที่มีห้องพัก จำนวน 332 ห้อง ตั้งอยู่ในโครงการมิกซ์ยูสที่มีชีวิตชีวา พร้อมเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในเวิ้งนาครเขษม ย่านประวัติศาสตร์เมืองเก่าของชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน โดยจะมีอีก 2 โรงเเรมบูทีค และห้องพักระยะยาวแบบมีเซอร์วิส พื้นที่รีเทล และร้านค้าปลีก 1 แห่ง ซึ่งจะเป็นร้านค้าปลีกใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ด้วยการออกแบบที่สอดรับกับภูมิทัศน์ของเมืองที่มีชีวิตชีวา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน ทำให้กลายเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในย่านเยาวราชที่น่าจับตามอง ด้วยการผสานพลังของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้ากับความมหัศจรรย์ของวัฒนธรรมท้องถิ่น โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เเบงค็อก ไชน่าทาวน์ แห่งนี้จะมีห้องอาหาร 3 แห่ง บาร์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รวมทั้งพื้นที่จัดการประชุม 8 ห้อง บนพื้นที่รวมกว่า 1,382 ตารางเมตร (ตร.ม.)
ข้อตกลงดังกล่าวยังครอบคลุมโรงเเรมสไตล์บูทีคซึ่งปรับโฉมพื้นที่จากอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นแบบดั้งเดิมเป็นโรงแรมขนาด 63 ห้องพัก พร้อมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ และอีกหนึ่งแห่งเป็นห้องพักระยะยาวแบบมีเซอร์วิสจำนวน 105 ห้อง ภายใต้แบรนด์ อินเตอร์คอนดิเนนตัล เรสซิเดนซ์ ซึ่งมอบทางเลือกห้องพักทั้งแบบหนึ่ง สอง และสามเตียง ผ่านการออกแบบอย่างมีสไตล์และสอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าผู้มาเยือน "เมืองมรดกแห่งเอเชีย (Heritage of Asia City)"
อนึ่ง แปลงเวิ้งนาครเขษม ทางบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด ได้เข้าซื้ออาคารพาณิชย์เก่าประมาณ 440 คูหา ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 14-1-91 ไร่ (บริเวณถนนเจริญกรุงซอย 8-10) มาจากราชสกุลบริพัตร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 (ปัจจุบันล่วงเลยมาเกือบ 10 ปี) ในราคาประมาณ 4,507 ล้านบาท (ค่าโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 300 ล้านบาท) และในช่วงที่ผ่านมา ทาง AWC ได้มีการปรับพอร์ตและเพิ่มลงทุนขยายขนาดของสินทรัพย์ให้มากขึ้น ผ่านการลงทุนครั้งใหญ่ในสถานการณ์ที่ยังคงมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทาง AWC ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเข้าลงทุนในโครงการเวิ้งนาครเขษม บนถนนเยาวราช มูลค่ารวมกว่า 16,595.5 ล้านบาท โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท ทีซีซี เวิ้งนาครเขษม จำกัด จากกลุ่มบริษัท ทีซีซี จำนวน 300 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 100% มูลค่าในการซื้อหุ้นประมาณ 8,265 ล้านบาท
และในแผนถัดไปหลังจากได้เข้าไปมีกรรมสิทธิ์ในแปลงเวิ้งนาครเขษมแล้ว ทาง AWC มีเป้าหมายในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ (มิกซ์ยูส) เพื่อสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่บนถนนเยาวราช คาดใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 8,247 ล้านบาท
ทุ่มเม็ดเงินผุดโรงแรมหรูพัทยา
นางวัลลภา กล่าวว่า ความร่วมมือกับ IHG ยังรวมถึงโรงแรมอีกหนึ่งแห่งในพื้นที่พัทยา ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาและมีกำหนดเปิดให้บริการในปี พ.ศ.2566 ตั้งอยู่ในย่าน Aquatique ซึ่งเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์แห่งแรงของพัทยา พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นศูนย์รวมกิจกรรมความบันเทิงและไลฟ์สไตล์ อันประกอบด้วยโรงแรม ร้านค้าปลีกและร้านอาหาร และพื้นที่จัดการประชุม ด้วยห้องพักและห้องสวีต 224 ห้อง ห้องอาหาร 4 แห่ง บาร์บนชั้นดาดฟ้า สระว่ายน้ำ สปา และห้องประชุม 6 ห้องบนพื้นที่ใช้สอยกว่า 670 ตร.ม.
โครงการเหล่านี้จะนำเสนอสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ตลอดจนส่งมอบประสบการณ์เฉพาะสุดพิเศษ ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าให้แก่ชุมชน สังคมองค์รวม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย รองรับทั้งนักธุรกิจและนักเดินทางเพื่อการพักผ่อน การลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลให้ AWC มีห้องพักเพื่อให้บริการเพิ่มขึ้นถึง 1,109 ห้อง จากเดิม 9,027 ห้องที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 10,136 ห้องพัก
IHG วางเป้าเพิ่มพอร์ตสินค้าลักชัวรีในไทยให้เติบโต 50%
นายเซเรน่า ลิม รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี กลุ่มอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (IHG) กล่าวว่า เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ AWC ซึ่งเป็นพันธมิตรอันยาวนาน เพื่อเปิดตัวอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นทั้ง 5 แห่งนี้ทั่วกรุงเทพฯ และพัทยา เรามั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบประสบการณ์การบริการเหนือระดับและไลฟ์สไตล์ที่หรูหราสำหรับลูกค้าของเรา
"อินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก ไชน่าทาวน์ จะเป็นโรงแรมในเครืออินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งที่ 3 ของเราในกรุงเทพฯ และเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับเวิ้งนาครเขษม หนึ่งในย่านเก่าแก่ที่สุดในเมือง ในขณะเดียวกัน เรากำลังหารือร่วมกับ AWC เกี่ยวกับโรงแรมอีก 2 แห่งในข้อตกลงของเรา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพัทยา เราวางแผนที่จะเพิ่มพอร์ตโฟลิโอของเราในประเทศไทยเป็น 2 เท่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า และการลงนามร่วมกันเหล่านี้แสดงถึงทิศทางการเติบโตที่แข็งแกร่งของ IHG ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับ AWC เพื่อขยายการให้บริการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และทำให้แบรนด์ในเครือ IHG เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทยที่งดงามนี้"
ข้อตกลงในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมืออันยาวนานระหว่าง AWC และ IHG เพื่อบริหารจัดการห้องพักมากกว่า 1,200 ห้องทั่วประเทศไทย รวมถึงโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง 306 ห้อง ที่จะเปิดให้บริการในปี พ.ศ.2565 ซึ่งส่งเสริมการเป็นพันธมิตรระหว่าง AWC และ IHG ในฐานะแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับด้านการจัดการ มาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัย แพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายทั่วโลกที่แข็งแกร่งและกว้างขวาง ตลอดจนแคมเปญการขายและทีมงานมืออาชีพที่ดึงดูดใจลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งสำหรับ IHG โดยมีโรงแรม 32 แห่งจาก 8 แบรนด์ในประเทศ และอีก 33 แห่งที่อยู่ระหว่างดำเนินการ การเซ็นสัญญาครั้งใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของบริษัทที่จะขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าลักชัวรีและไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยให้เติบโต 50% รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ในทุกแบรนด์ในเครือ