"นายิบ บูเคเล" ประธานาธิบดีประเทศเอลซัลวาดอร์ได้เสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภาเพื่อเสนอให้บิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยหากได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาเอลซัลวาดอร์จะกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ยอมรับสกุลเงินบิตคอยน์
Channel News Asia รายงานว่า รัฐสภาแห่งประเทศเอลซัลวาดอร์ได้อนุมัติร่างกฎหมายสกุลเงินคริปโต โดยได้รับความเห็นชอบจากผู้สนับสนุนของประธานาธิบดีบูเคเล ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภา ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคฝ่ายค้านที่ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลเร่งผลักดันกฎหมายนี้ดดยมองว่าเร่งรัดอย่างรวดเร็วเกินไป และปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุน ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนได้ออกมาคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่าบิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่มีความผันผวนสูง จึงไม่ใช่สกุลเงินที่มีประสิทธิภาพเหมาะกับการใช้งานเป็นสกุลเงินตามกฎหมายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปธน.บูเคเล ได้โพสต์ภาพสกรีนช็อตของ “กฎหมาย Bitcoin” ผ่านทางทวิตเตอร์ในวันนี้ โดยระบุว่าร่างกฎหมายดังกล่าวนั้นมีขึ้นเพื่อ “กำหนดให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และไม่จำกัดในการทำธุรกรรมใด ๆ”
ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศเอลซัลวาดอร์มีประชาชนซึ่งไม่มีบัญชีธนาคารอยู่ถึงมากถึงกว่า 70% ขณะเดียวกันสิ่งที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจและ GDP ในประเทศมาจากการโอนเงินกลับมา ของประชาชนที่อพยพไปทำงานอยู่ในประเทศอื่นถึงกว่า 20% ขณะเดียวกันด้วยค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามประเทศที่มหาโหดมากกว่า 10% ซึ่งในขณะนี้ประเทศเอลซัลวาดอร์ ต้องสูญเสียเงินไปไม่น้อยกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ให้กับตัวกลางการโอนเงินระหว่างประเทศ และยังอาจมีปัญหาเรื่องความล่าช้าในการรอเงินเข้าระบบข้ามวัน อีกทั้งผู้รับเงินยังต้องเดินทางไปรับเป็นเงินสดอีกที่ธนาคารอีกด้วย ดังนั้น การนำ Bitcoin เข้ามาใช้ธุรกรรมการเงินจะเป็นการลดภาระให้กับหลายล้านครอบครัวที่มีรายได้ต่ำเป็นอย่างมาก ซึ่งหากมีการประกาศใช้กฏหมาย Bitcoin จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทำธุรกรรมการเงินได้รวดเร็ว และสะดวกมากขึ้น
"หากเราสามารถทำให้กฏหมายนี้เป็นจริงได้ จะเป็นการยกระดับทั้งคุณภาพชีวิตและอนาคต ให้กับประเทศ และประชาชนจำนวนหลายล้านคนในประเทศของเราได้" ประธานาธิบดี นายิบ บูเคเล กล่าว
นอกจากนี้ หากกฎหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติ ผู้ค้าสามารถตั้งราคาสินค้าเป็น bitcoin ได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาชำระภาษีได้ รวมถึงการแลกเปลี่ยน bitcoin จะไม่ถูกเก็บภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน