ท่ามกลางความร้อนแรงของราคาคริปโตเคอร์เรนซี สิ่งที่มาแรงไม่น้อยไปกว่ากัน คือ การหลอกลวงซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี เช่น ชักชวนให้ซื้อขายคริปโตฯ ผ่านแพลตฟอร์มที่อ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงเป็นเท่าตัวในเวลารวดเร็ว หรือหลอกลวงว่าเป็นการระดมเงินเพื่อนำไปสร้างคริปโตฯ ที่มาขายฝันไว้ว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นคริปโตเคอร์เรนซีสกุลใหม่ของโลก แต่สุดท้ายคนชวนกลับหายตัวและผู้ที่หลงเชื่อต้องสูญเสียเงินไปในที่สุด
กลโกงเหล่านี้เปรียบเหมือน “เหล้าเก่าในขวดใหม่” เพราะวิธีการที่มิจฉาชีพนำมาใช้ไม่ได้แตกต่างไปจากที่ผ่านๆ มา เพียงแต่เปลี่ยนเรื่องราวไปตามกระแสความสนใจของสังคม โดยอาศัยความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือ และในปัจจุบันที่มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงเหยื่อได้ง่ายขึ้นยิ่งทำให้การหลอกลวงทำได้หลากรูปแบบและหลายช่องทางมากขึ้น ที่พบได้บ่อย คือ การโฆษณาชวนเชื่อผ่านออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย
ล่าสุด มีผู้เสียหายจำนวนมากแจ้งความร้องทุกข์และร้องเรียนไปที่หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งเข้ามาที่ “สายด่วนศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต.” โทร.1207 ว่า ถูกหลอกให้ซื้อขายคริปโตฯ โดยมิจฉาชีพซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติทำ “โปรไฟล์ปลอม” ใช้รูปถ่ายที่แสดงหน้าตาหล่อ/สวย เข้ามาทำทีตีสนิท ไม่ว่าจะเป็นในเชิงเพื่อนหรือเชิงชู้สาว ผ่านทางแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันหาเพื่อน เริ่มจากพูดคุยผ่านแชต ไปจนถึงส่งดอกไม้ ให้ของขวัญจนเหยื่อตายใจ ซึ่งเป็นสัญญาณให้มิจฉาชีพขยับก้าวไปอีกขั้น นั่นคือ การเริ่มด้วยคำถามว่า...
“เคยลงทุนในคริปโตฯ ไหม?... หากไม่เคยจะสอนให้”
คำถามแนวนี้เริ่มเข้ามาในแชต และชวนซื้อขายคริปโตฯ ผ่านแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (exchange) ของต่างประเทศโดยอ้างว่ากำลังเป็นที่นิยม เพราะทำกำไรได้ดีกว่าในประเทศไทยมาก คล้ายๆ กับตัวอย่าง 2 รายนี้ที่ผู้เสียหายได้ร้องเรียนและแจ้งความไว้แล้ว
มิจฉาชีพรายที่ 1
เริ่มจากชวนซื้อขายคริปโตฯ ผ่านแอปพลิเคชันหนึ่งที่อ้างว่าให้ผลตอบแทนสูง
แต่แอปนี้ไม่รับเงินบาท จึงแนะนำให้เปิดบัญชีและซื้อคริปโตฯ สกุลดังใน exchange ต่างประเทศ จากนั้นให้โอนคริปโตฯ ที่ซื้อไว้มาเข้าแอปที่ระบุไว้
แนะนำให้ซื้อขายคริปโตฯ ตามช่วงเวลาที่บอก โดยอ้างว่าจะได้กำไรมาก ในช่วงแรกผู้เสียหายลงเงินทีละน้อย และยังสามารถถอนกำไรออกมาได้ตามปกติ มิจฉาชีพก็จะเชียร์ให้ใส่เงินเข้าไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่ผู้เสียหายอยากถอนเงินออกมาจากแอป แต่ถอนไม่ได้ และติดต่อมิจฉาชีพรายนั้นไม่ได้อีก
มิจฉาชีพรายที่ 2
ขั้นแรกให้เปิดบัญชีคริปโตฯ กับ exchange ในประเทศไทย
ให้ซื้อคริปโตฯ สกุลดังเข้า wallet ของเหยื่อเอง
จากนั้นให้เปิดบัญชีกับ exchange เป้าหมายซึ่งอยู่ในต่างประเทศ สมมติว่าชื่อ exchange P
แนะนำให้โอนคริปโตฯ จาก wallet ในประเทศไปเข้าบัญชีใน exchange P
จากนั้นให้นำคริปโตฯ ใน exchange P ไปแลกเป็นเหรียญอันใหม่ สมมติว่าชื่อ เหรียญ PT ซึ่งมิจฉาชีพอ้างว่าเหรียญ PT เป็นคริปโตฯ ใหม่ที่มีอนาคตไกล
มิจฉาชีพแนะนำให้แลกเหรียญ PT สะสมไว้เรื่อยๆ
จนกระทั่งเมื่อต้องการถอนเงินออก ปรากฏว่า ไม่สามารถถอนเงินได้ และยังพบว่ามูลค่าเหรียญ PT นั้นหายไป เมื่อทวงถามไปยังมิจฉาชีพที่แนะนำ กลับลบแอ็กเคานต์ที่พูดคุยออกไปแล้ว และติดต่อไม่ได้อีก
ขอให้ทั้ง 2 กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจสำหรับผู้ที่สนใจซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี ให้ระมัดระวังกลโกงสารพัดรูปแบบจากหลากหลายช่องทางที่อาจเข้ามาถึงเราโดยไม่ทันระวังตัว เพราะมิจฉาชีพมักจะอาศัยจังหวะเวลาหรือช่วงที่เรากำลังยากลำบาก โดยเข้ามาตีสนิท หลอกให้เชื่อใจ แล้วชักชวนให้ซื้อขายคริปโตฯ ที่ไม่รู้จัก หรือซื้อขายในแพลตฟอร์มที่ไม่คุ้นเคย
เพราะฉะนั้นหากมีใครมาชักชวนลงทุน หรือ ซื้อขายอะไรก็ตามที่ไม่คุ้นเคยโดยอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงมากในเวลารวดเร็ว ต้องฉุกคิดไว้ก่อนเลยว่า อาจเป็นการหลอกลวง และหากสนใจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจได้จากคอร์สให้ความรู้พื้นฐาน “คริปโต 101” ทางเฟซบุ๊กเพจสำนักงาน ก.ล.ต. และเพจ Start-to-invest ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 16.00-16.30 น. หรือรับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube : ThaiSEC https://www.youtube.com/playlist?list=PLu9bDdl4QiOEzqefjLTjsaXHdTq7rKrv0
นอกจากนี้ หากไม่มั่นใจสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/digitalasset หรือทางแอปพลิเคชัน SEC Check First และหากพบเบาะแสหรือพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ สงสัยว่าอาจจะหลอกลวงให้ลงทุน สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ที่ “ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.ล.ต.” โทร.1207 หรือผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊กเพจ “สำนักงาน ก.ล.ต.” และ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน