โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) เผยรอบปีบัญชี 2563-64 อวดกำไร 2,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 1,803 ล้านบาท หรือเติบโต 64% เนื่องจากความต้องการแผ่นฟิล์มโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่งผลให้ยอดขายพุ่งแตะ 15,144 ล้านบาท
นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL แจ้งผลการดำเนินงานรอบปีบัญชี 2563-2564 (1 เมษายน 2563-31 มีนาคม 2564) มีกำไรสุทธิ 2,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 1,803ล้านบาทหรือเติบโต 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการแผ่นฟิล์มโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยบริษัทฯ ทำยอดขาย 15,144 ล้านบาท ในรอบปีบัญชี 2563-2564 เติบโต 8% เทียบกับยอดขาย 14,051 ล้านบาทของรอบปีบัญชีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรคือ การมุ่งเน้นเสริมสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษอย่างต่อเนื่อง การบริหารจัดการด้านต้นทุน และการเพิ่มกำลังผลิตสูงสุดที่โรงงานใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตรา 0.46 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวน 414 ล้านบาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 สิงหาคม 2564
นายอมิต กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการแผ่นฟิล์ม PET แบบบางมีทิศทางที่สดใส โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (compound annual growth rate : CAGR) คาดการณ์ไว้ที่ 5-7% ต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่สอดคล้องกับการเติบโตของกำลังการผลิตเฉลี่ยของบริษัทฯ ซี่งอยู่ที่ 6-8% ต่อปี นอกจากนี้ การขยายกำลังการผลิตใหม่ตามแผนในอีก 2-3 ปีข้างหน้าส่วนใหญ่อยู่ในอินเดียและจีน โดยทั้ง 2 ประเทศมีความต้องการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง
“บริษัทเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ และจะยังคงเป็นผลบวกอย่างมากในอนาคตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาปัจจุบันซึ่งห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างมาก รวมทั้งความท้าทายด้านโลจิสติกส์อื่นๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่”
สำหรับผลการดำเนินงานของ PTL แสดงให้เห็นถึงสถานะอันแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ผลิตฟิล์ม PET รายใหญ่อันดับ 6 ของโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากชื่อเสียงในฐานะซัปพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือและการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ พร้อมฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งทั่วโลกรวมถึงการให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง
“จุดเด่นในปีหน้า คือ การลงทุนใหม่ของบริษัทฯ ในกลุ่มแผ่นฟิล์ม BOPP ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มในไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชีนี้ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากสายการผลิตใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาดในประเทศ รวมถึงการผนึกกำลังกับฐานลูกค้าที่มีอยู่ของแผ่นฟิล์ม BOPET เนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะเป็นซัปพลายเออร์ที่ครบวงจร เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการบรรจุภัณฑ์ชนิดยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าได้ดีที่สุด” นายอมิต กล่าว
ส่วนการขยายสายการผลิตแผ่นฟิล์ม Brownfield BOPET ของ PTL ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นไปอย่างราบรื่น และคาดว่าจะเริ่มการผลิตในไตรมาสที่ 1 ของรอบปีบัญชี 2566-67 ซึ่งเป็นการปูทางให้โพลีเพล็กซ์ขยายส่วนแบ่งการตลาด และเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับความนิยมในทวีปอเมริกา ซึ่งปัจจุบันยังต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อรองรับความต้องการแผ่นฟิล์ม BOPET ที่เพิ่มมากขึ้น