Financial Stability and Development Committee (FSDC) หน่วยงานควบคุมด้านการเงินการคลังของประเทศจีน ประกาศแผนเดินหน้าปราบปรามการขุดเหมืองและการเทรดเหรียญคริปโตฯในประเทศ โดยมองว่าเพื่อลดความเสี่ยงในด้านเครดิต, ปฏิรูปสถาบันการเงินขนาดกลาง, และลงโทษกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง
นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และสภาแห่งรัฐของจีน ออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่า ทางการจีนจะเข้ากวาดล้างการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ รวมทั้งควบคุมพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนเพื่อป้องกันมิให้ความเสี่ยงรายบุคคลซึ่งอาจจะกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค ที่อาจลุกลามไปสู่สังคมในวงกว้าง
"เรามีความจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มบิตคอยน์ เพื่อป้องกันระบบการเงินของประเทศ และถือได้ว่าเป็นการกวาดล้างกิจกรรมด้านหลักทรัพย์ที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง และอาจจะต้องมีการลงโทษต่อผู้กระทำอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่ามีความผิดร้ายแรงต่อธุรกรรมการเงินที่ผิดกฎหมาย โดยถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาเสถียรภาพในตลาดหุ้น, ตราสารหนี้ และปริวรรตเงินตรา อีกทั้งสกุลเงินคริปโตได้สร้างปัญหาการตรวจสอบเป็นอย่างมาก โดยมีการสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการหลบเลี่ยงภาษี” นายหลิว เหอ กล่าวในแถลงการณ์
ทั้งนี้หลังจากได้มีแถลงการณ์ออกมาไม่นานราคาของ Bitcoin ก็ได้ปรับร่วงลงอย่างรุนแรงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบวัน โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8% ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับกระทรวงการคลังสหรัฐที่ระบุว่า ทางกระทรวงจะออกมาตรการกวาดล้างตลาดสกุลเงินคริปโต รวมทั้งการทำธุรกรรมในตลาดดังกล่าว โดยผู้ทำธุรกรรมรายการโอนเงินสกุลคริปโตที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์ขึ้นไป หรือประมาณ 315,000 บาท จะต้องมีการรายงานไปยังกรมสรรพากรสหรัฐ (IRS)
ขณะที่ "นายโจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐ เสนอเพิ่มงบประมาณ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ IRS รวมทั้งเพิ่มพนักงานเต็มเวลาจำนวนมากกว่า 86,000 รายในช่วง 1 ทศวรรษข้างหน้าเพื่อรับมือกับการเติบโตของสินทรัพย์คริปโต
“ภาคธุรกิจที่รับสินทรัพย์คริปโตที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ จะต้องรายงานต่อ IRS เช่นเดียวกับเงินสด โดยภายในบริบทของกฎระเบียบการรายงานบัญชีทางการเงินฉบับใหม่นั้น สกุลเงินคริปโต, บัญชีแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต และบัญชีการให้บริการด้านการชำระเงินซึ่งมีการรับสกุลเงินคริปโต จะต้องถูกรวมอยู่ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว” กระทรวงการคลังระบุ