ตลาดหุ้นพุ่งทะยานสวนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาพักใหญ่ แต่สุดท้ายต้านทานผลกระทบไม่ไหว ดัชนีหุ้นเกิดการปรับฐานใหญ่ วันพุธที่ผ่านมา ทรุดลง 33.91 จุด หลุดแนวรับ 1,550 จุด และมีแนวโน้มที่จะปรับฐานลงสู่ระดับ 1,500 จุด
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ กลายเป็นปัจจัยชี้นำตลาดหุ้นเต็มตัว จนนักลงทุนต้องให้น้ำหนักความสำคัญ โดยเฉพาะการติดตามความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติซึ่งกลับมาถล่มขายหุ้นอย่างหนักอีกครั้ง และวันพุธเพียงวันเดียวเทขายถึง 10,475.57 ล้านบาท
ยอดขายหุ้นสุทธิของนักลงทุนต่างชาตินับจากต้นปี 2564 พุ่งขึ้นเป็น 4.35 หมื่นแล้ว และยังไม่มีสัญญาณว่าต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้น แม้บริษัทโบรกเกอร์หลายสำนักจะคาดหมายว่า ครึ่งปีหลังต่างชาติจะกลับมาก็ตาม
นักลงทุนรายย่อยยังคงเป็นผู้ซื้อหุ้น โดยเมื่อวันพุธซื้อหุ้นสุทธิ 13,177.13 ล้านบาท และเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อ ทำให้ยอดซื้อหุ้นสุทธิสะสมจากต้นปีพุ่งขึ้นเป็น 7.97 หมื่นล้านบาท
แรงซื้อที่ไม่ย่อท้อของนักลงทุนรายย่อยเกิดจากนักลงทุนหน้าใหม่ทยอยเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น โดย 4 เดือนแรกปีนี้มีนักลงทุนหน้าใหม่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น 8.7 หมื่นราย จึงมีเงินก้อนใหม่ทยอยเข้าสู่ตลาดหุ้น และมีส่วนพยุงราคาหุ้นไม่ให้เกิดความผันผวนรุนแรงมานับจากต้นปี
นักลงทุนหน้าใหม่ที่หลั่งไหลเข้าตลาดหุ้นอย่างไม่ขาดสาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่รู้จะนำเงินไปลงทุนด้านไหน ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก เงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารขนาดใหญ่อยู่ที่ประมาณ 0.5% ต่อปี จึงโยกเงินออมบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้น
และการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีส่วนผลักดันให้เกิดนักลงทุนหน้าใหม่เหมือนกัน เพราะผู้ที่มีเงินออม และต้องกักตัวเองอยู่ในบ้าน จึงต้องการหากิจกรรมทำ และการลงทุนในตลาดหุ้นก็เป็นอีกกิจกรรมทางเลือกที่น่าสนใจช่วงวิกฤตโควิด-19
แม้จะมีนักลงทุนรุ่นเก่า และมีกองหนุนจากนักลงทุนหน้าใหม่ แต่รายย่อยก็พยุงตลาดหุ้นไม่ไหวเหมือนกัน เพราะฝรั่งถล่มขายไม่เลิก
ดัชนีหุ้นที่ทรุดลงกว่า 33 จุดเมื่อวันพุธ ถือเป็นการปรับฐานใหญ่ครั้งแรกหลังวิกฤตโควิด-19 ระลอกสาม และคาดว่าการปรับฐานรอบนี้ดัชนีหุ้นอาจถอยไปตั้งหลักแถวระดับ 1,500 จุด
และมีความเป็นไปได้ที่จะลงไปลึกถ้าสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้ถอดใจจากความผันผวนรอบนี้ และส่วนหนึ่งเห็นเป็นโอกาสในการช้อนซื้อหุ้นราคาต่ำๆ
เพียงแต่จะซื้อในจังหวะไหนเท่านั้น
วิกฤตโควิด-19 รอบแรก ดัชนีหุ้นปรับฐาน จากระดับ 1,600 จุด ลวงไปต่ำสุดที่ 969 จุด ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 23 มีนาคม 2563
ช่วงเวลากว่า 2 เดือน ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว และเป็นขาลงรอบใหญ่ ดัชนีหุ้นหายวับไปกว่า 600 จุด
นักลงทุนผลีผลามรีบเข้าไปช้อนหุ้น โดยคิดว่าวิกฤตเป็นโอกาส คิดว่าได้เวลาซื้อของถูก ต้องเจ็บตัวหนัก เช่น เข้าไปซื้อในระดับดัชนีหุ้น 1,500 จุด หรือเข้าไปซื้อในระดับ 1,400 จุด และแม้กระทั่งเข้าไปซื้อในระดับ 1,300 จุดก็ตาม
เพราะซื้อแล้วหุ้นลงต่อ หุ้นที่คิดว่าซื้อในราคาถูกแล้วกลับกลายเป็นการซื้อของแพงเพราะหุ้นลงต่อ
นักลงทุนที่ซื้อหุ้นในระดับ 1,100 จุด หรือต่ำกว่าจึงจะถือว่าได้ซื้อของถูกจริง เพราะดัชนีหุ้นหลุดจากระดับ 1,000 จุดเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะดีดตัวกลับสู่ระดับ 1,300 จุดในเวลารวดเร็ว
วิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่คงไม่ฉุดหุ้นให้ดิ่งลงเหวลึกเหมือนรอบแรก แต่ไม่มีใครทำนายได้ว่า ดัชนีหุ้นจะลงไปแตะระดับ 1,500 จุดหรือลงไปลึกกว่าหรือไม่
ทุกวิกฤตจะเป็นโอกาสในการช้อนซื้อของถูก ขึ้นอยู่กับการเลือกจังหวะการเข้าซื้อเท่านั้น
การปรับฐานรอบนี้จึงเป็นอีกช่วงเวลาที่ดีในการรอจังหวะซื้อหุ้นถูก