ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 700 กว่าบริษัท ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย.64 มี 43 หลักทรัพย์ที่มี มาร์เกตแคปเกิน 1 แสนล้านบาทขึ้นไป และส่วนใหญ่ยังมีอัตราผลตอบแทนราคาที่เป็นบวก โดย 10 อันดับแรก ประกอบด้วย
1.SCGP บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 239,330 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 41.50 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 55.75 บาท เพิ่ม 14.25 บาท หรือ +34.34% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบวก 5 วันติด คิดเป็น +13.20%
2.IVL บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 269,498 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 37.00 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 48.00 บาท เพิ่ม 11.00 บาท หรือ +29.73% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบวก 4 วัน ไม่เปลี่ยนแปลง 1 วัน คิดเป็น +9.71%
3.KTC บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 196,597 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 59.50 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 76.25 บาท เพิ่ม 16.75 บาท หรือ +28.15% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา บวก 3 วัน ลบ 2 วัน คิดเป็น +1.33%
4.SAWAD บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 114,314 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 65.75 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 83.25 บาท เพิ่ม 17.50 บาท หรือ +26.62% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบวก 2 วัน ลบ 3 วัน คิดเป็น +1.52%
5.EA บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 227,530 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 49.25 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 61.00 บาท เพิ่ม 11.75 บาท หรือ +23.86% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบวก 2 วัน ลบ 2 วัน ไม่เปลี่ยนแปลง 1 วัน คิดเป็น +2.09%
6.SCC บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 554,400 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 378.00 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 462.00 บาท เพิ่ม 84.00 บาท หรือ +22.22% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบวก 4 วัน ลบ 1 วัน คิดเป็น +7.94%
7.PTTEP บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 472,428 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 98.25 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 119.00 บาท เพิ่ม 20.75 บาท หรือ +21.12% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา 5 วันบวกต่อเนื่อง คิดเป็น +5.31%
8.SCB ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 356,540 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 87.50 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 105.00 บาท เพิ่ม 17.50 บาท หรือ +20.00% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบวก 2 วัน ลบ 2 วัน ไม่เปลี่ยนแปลง 1 วัน คิดเป็น +0.48%
9.BAY ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป275,841 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 31.25 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 37.50 บาท เพิ่ม 6.25 บาท หรือ +20.00% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบวก 2 วัน ลบ 2 วัน ไม่เปลี่ยนแปลง 1 วัน คิดเป็น +1.35%
10.KBANK ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคป 312,751 ล้านบาท เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 ปิด 113.00 บาท ณ 30 เมษายน 2564 ปิด 132.00 บาท เพิ่ม 19.00 บาท หรือ +16.81% ขณะอัตราผลตอบแทนราคารอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบวก 2 วัน ลบ 3 วัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ส่วนตัวที่บวกรองลงไปเกินกว่า 10% ได้แก่
· MINT 16.50%
· STGT 16.45%
· PTTGC 15.81%
· TOP 13.94%
· CRC 13.82%
· INTUCH 13.33%
· BH 11.67%
ขณะที่ตัวที่บวกต่ำกว่า 10% ได้แก่
· CPN 9.42%
· LH 8.81%
· MTC 8.47%
· CPF 8.41%
· TMB 8.33%
· CPALL 7.30%
· AWC 4.39 %
· BDMS 4.33%
· HMPRO 2.92%
· BBL 2.53%
· BJC 2.16%
· KTB 1.80%
· GULF 0.73%
· OSP 0.70%
และ 11 ตัวที่ลบประกอบด้วย
· DELTA -27.16%
· BGRIM -11.86%
· PTT -5.88%
· TRUE -5.23%
· MAKRO -4.43%
· BTS -3.76%
· BEM -3.61%
· ADVANC -2.84%
· CBG -1.75%
· GPSC -1.36%
· AOT -0.40 %
ขณะที่มี 1 ตัวที่ยังเข้าตลาดไม่ถึง 1 ปี คือ OR โดยราคาเข้าตลาดวันแรก ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ปิด 29.25 บาท ล่าสุด 30 เมษายน 2564 ปิดที่ 30.50 บาท เพิ่ม 1.25 บาท หรือ +4.27%
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาหุ้นบิ๊กแคปส่วนใหญ่ยังเป็นขาขึ้นกว่า 40 ตัว มีเพียง 11 ตัวที่ยังเป็นลบอยู่ และยังเหลือเวลาอีก 8 เดือนถึงจะจบปี 2564 ฉะนั้นยังคงต้องติดตามต่อไป