สิงห์ เอสเตทฯ รุกธุรกิจนิคมอุตฯ พลังงานไฟฟ้า ประกาศเข้าซื้อหุ้นปาร์ค อินดัสตรี 100% พร้อมเข้าซื้อหุ้นอ่างทอง เพาเวอร์ และเข้าซื้อสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญบนมูลค่าที่ตราไว้ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ของบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 มีมติอนุมัติให้บริษัท เอส.ไอ.เอฟ.จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ จะจัดตั้งขึ้นใหม่ให้เข้าทำรายการ เข้าซื้อหุ้นสามัญ 100% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ปาร์ค อินดัสตรี จำกัด (PIC) ซึ่งประกอบธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดย PIC เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินขนาดประมาณ 1,790.56ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลหลักฟ้า และตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมตามประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 เม.ย.2563 รวมมูลค่าการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ PIC และการพัฒนาโครงการทั้งหมดประมาณ 2,421 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญ 30% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วของบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด (ATP)โดย ATP เป็นผู้ประกอบธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมและไอน้ำ ด้วยกำลังการผลิต 123 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) อายุสัญญา 25 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (COD) ในจำนวน 90 เมกะวัตต์ โดยได้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 4 พ.ค.2559 โดยโรงไฟฟ้าตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ติดกับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของ PIC รวมมูลค่าในการชำระราคาค่าหุ้นจากการเข้าทำรายการเป็นเงินจำนวนประมาณ 557 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้เข้าซื้อสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ (Option) บนมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ในบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด (BGPR 1) และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2 จำกัด (BGPR 2) โดย BGPR 1 และ BGPR 2 อยู่ในระหว่างการดำเนินการจัดตั้งและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ ด้วยกำลังการผลิตแห่งละ 140 เมกะวัตต์ และได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EGAT แห่งละ 90 เมกะวัตต์อายุสัญญา 25 ปี ซึ่งมีวัน กำหนดเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (SCOD) ในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมของ PIC มูลค่าในการชำระราคาค่า Option และค่าหุ้นเพิ่มทุนตามมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ในสัดส่วน 30% ภายหลังจากการใช้สิทธิตามสัญญา Option รวมถึงเงินลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการทั้ง 2 โครงการเป็นเงินจำนวนรวม 835 ล้านบาท