ตลาดหุ้นสหรัฐ และกระดานเทรดเหรียญคริปโตทั่วโลกปรับตัวลดลงทันทีหลังจากที่ "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐอมริกาประกาศเตรียมที่จะปรับขึ้นภาษีกำไรจากการลงทุนขึ้นอีกเกือบ 2 เท่าตัว จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 20% โดยกำหนดอัตราภาษีใหม่เป็น 39.6% สำหรับชาวอเมริกันที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป เพื่อนำไปเป็นทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของประเทศ และนัยยะเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายชดเชยมาตรการเยียวยาในประเทศที่ได้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
หลังจากที่นายโจ ไบเดน ได้ออกประกาศที่จะปรับเกณฑ์การเรียกเก็บภาษีใหม่จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 20% โดยกำหนดอัตราภาษีใหม่เป็น 39.6% หรือเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 2 เท่าตัว ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน จึงพากันเทขายหุ้น ทองคำ รวมถึงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล โดยตลาดเทรดเหรียญคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ได้มีการปรับตัวลงพร้อมกันในทุกๆกระดาน ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 50,000 เหรียญสหรัฐ หลังจากที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดไปได้ไม่นาน โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าแนวรับถัดไปอาจอยู่ที่ 47,000 เหรียญสหรัฐหรืออาจจะน้อยกว่านั้น
ขณะเดียวกันในส่วนของ Ethereum ก็ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 22,000 เหรียญสหรัฐ ส่วนสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ก็ปรับตัวไปในทิศทางขาลงด้วยเช่นกัน ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ ได้ตอบรับข่าวการประกาศนโยบายจัดเก็บภาษีใหม่ของประธานาธิบดีสหรัฐ โดยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคืนวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านปรับตัวมาลดลง 0.94% ปิดที่ 33,815.90 จุด และเมื่อช่วงต้นวันนี้ (23 เม.ย.) อยู่ที่ 33,791.56 จุดหรือลดลง 1.01%
ขณะที่ในเวลาไล่เลี่ยกันยังปรากฏ FAKE NEWS ออกมาว่า "นางเจเน็ต เยลเลน" เตรียมเสนอเก็บภาษี Cryptocurrency ในอัตราเพดานสูงถึงกว่า 80% ทำให้ส่งผลต่อราคาเหรียญคริปโตปรับตัวลงลงไปถึง -10% ทั้งตลาด
นักวิเคราะห์จากบริษัท Great Hill ในแมสซาชูเซตส์กล่าวว่าอาจเป็นเรื่องยากที่ข้อเสนอจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส เนื่องจากสมาชิกจากฝั่งพรรครีพับลิกันมีจุดยืนที่ต้องการให้ลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟู แต่หากผ่านอาจส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงรุนแรงถึง 2,000 จุด
นอกจากนี้ยังส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 33,815.90 จุด หรือลดลงกว่า 321.41 จุด คิดเป็น -0.94%
ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 4,134.98 จุด ลดลง 38.44 จุด หรือ -0.92%, ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับ 13,818.41 จุด ลดลง 131.81 จุด หรือ -0.94%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,939.12 จุด ลดลง 249.05 จุด หรือ -0.85% และ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,798.45 จุด เพิ่มขึ้น 43.11 จุด หรือ +0.15% อย่างไรก็ดีจากกระแสดังกล่าวส่งผลให้หุ้นที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีและเป็นหุ้นที่ชี้นำตลาดอย่าง Apple, Microsoft และ Intel ปรับตัวก็ลดลงรับกระแสข่าวด้วยเช่นกัน