ผู้จัดการรายวัน 360 - ไพโอเนียร์ มอเตอร์ ลงนาม MOU ร่วม "จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย)" พัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ ตั้งเป้าพร้อมผลิตขายทั้งในและต่างประเทศปลายปี 65 ขณะตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 20%
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO ผู้ประกอบธุรกิจผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning Motor) มอเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป (Induction Motor) เครื่องสูบน้ำ ปั๊มหอยโข่ง มอเตอร์สำหรับสระว่ายน้ำ มอเตอร์สำหรับปั๊มบ้าน เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการพัฒนามอเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า กับบริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แบรนด์ GPX ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์อันดับ 3 ของประเทศไทย เพื่อร่วมพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพและคุณภาพที่ดีในราคาที่สามารถแข่งขันได้
ทั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทฯ จะทำการพัฒนาสำหรับรถจักรยานยนต์ 3 ขนาด ใน 3 รูปแบบ หลังจากนั้นทางบริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จะเซ็น MOU ร่วมมือกับบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็นจุดในการชาร์จไฟฟ้าให้แก่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต่อไป เนื่องจากจีพี มอเตอร์ มีความตั้งใจและเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในด้านการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นสัญชาติไทยเชื้อชาติไทยรายใหญ่ที่สุดในอนาคต
“ในส่วนของไพโอเนียร์ มอเตอร์ เราจะมีการเซ็นสัญญาร่วมมือในการพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้ารูปแบบอื่นๆ ที่แตกต่างจากลูกค้ารายนี้กับลูกค้ารายอื่นเพิ่มเติมต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้เช่นกัน เพราะมีจุดประสงค์เพื่อให้ฐานลูกค้ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีหลายราย กระจายความเสี่ยงในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายให้สามารถผลิตได้จริงในไตรมาสที่ 4 ของปีหน้า” นายวสันต์ กล่าว
ทั้งนี้ PIMO เตรียมเพิ่มกำลังผลิตมอเตอร์ชนิดพิเศษ BLDC เป็น 120-140 ลูกต่อวัน จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50-70 ลูกต่อวัน เพื่อส่งสินค้าไปขายให้ลูกค้าอเมริกา และเพิ่มกำลังการผลิตมอเตอร์ที่จำหน่ายในประเทศ ซึ่งลูกค้ามีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาแล้ว 40% นอกจากนี้ จะเพิ่มสินค้าที่เกี่ยวกับพัดลม แอร์ จากปัจจุบันมีอยู่ 2 ผลิตภัณฑ์ให้เป็น 5 ผลิตภัณฑ์ และจะนำเข้าสินค้าต่างประเทศมาจำหน่ายผ่านช่องทางของบริษัท
ขณะเดียวกัน จากการมีแผนจะขยายงานดังกล่าวทำให้ PIMO ต้องออกใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 2 (PIMO-W2) จำนวนไม่เกิน 176,133,046 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 7 หุ้นสามัญเดิมต่อ 2 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า ทำให้เมื่อถึงวันแปลงสภาพจะทำให้บริษัทมีเงินทุนประมาณ 308.23 ล้านบาท อันจะช่วยรักษาสภาพคล่องเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท มีความพร้อมทางด้านเงินทุน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจเดิมและการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ส่งผลให้รายได้และผลกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้น พร้อมกับออกหุ้นเพิ่มทุนด้วยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย 7,534,339 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เป็นหุ้นส่วนที่เหลือจากการจัดสรร เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามวอร์แรนต์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 PIMO คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 20% จากปี 2563 ที่ทำได้ 812.75 ล้านบาท เนื่องจากมีคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดด