ทิสโก้มอง SET เม.ย.ทะลุ 1,600 จุด จับตาทิศทางบอนด์ยิลด์กดดันตลาด แนะช่วงนี้เป็นจังหวะทยอยแบ่งขายล็อกกำไร-ถือเงินสดเพิ่มขึ้น สำหรับหุ้นที่แนะนำในช่วงนี้ ได้แก่ AEONTS, DCC, NYT, PTT, ROJNA, TASCO, TPIPL และ TWPC
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บล.ทิสโก้มีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในเดือนเมษายน จากปัจจัยหนุน 3 ปัจจัย คือ 1.แผนการจัดหาวัคซีน และการเปิดประเทศเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น 2.ประมาณการกำไรตลาดโดยรวมเริ่มมีสัญญาณปรับขึ้น และ 3.ข้อมูลเชิงสถิติบ่งชี้ตลาดหุ้นไทยเดือน เม.ย. มักปรับตัวขึ้น โดยล่าสุด SET Index ได้ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 1,600 จุด แต่ บล.ทิสโก้มองว่า ระดับดัชนีดังกล่าวเป็นการเพิ่มขึ้นที่ไม่ยั่งยืน เพราะระดับการประเมินมูลค่าตึงตัว และห่วงการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของ Bond Yield จะกดดันตลาด จึงมองว่าในช่วงนี้เป็นจังหวะทยอยแบ่งขายล็อกกำไร-ถือเงินสดเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เพิ่งเห็นชอบการเปิดประเทศ 1 เม.ย.นี้ นำร่องที่จังหวัดภูเก็ตเป็นหลักก่อน โดยให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเข้ามาเที่ยวในพื้นที่ที่กำหนดโดยไม่ต้องกักตัว เมื่อครบ 7 วันจึงออกนอกพื้นที่ได้ หลังจากนั้น 1 ก.ค. จะปล่อยฟรีทั้งภูเก็ตสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว โดยรัฐบาลจะดำเนินการควบคู่กับเป้าการฉีดวัคซีนให้ประชาชนราว 50% ของประชากรภายในปี 2564 จากแผนการดังกล่าว บล.ทิสโก้ประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 2.6-3 ล้านคนในปีนี้
ด้านประมาณการกำไรของตลาด (Bloomberg Consensus) หลังจากถูกปรับลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว บล.ทิสโก้เริ่มเห็นสัญญาณบวกการปรับประมาณการกำไรขึ้น โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ประมาณการกำไรตลาดโดยรวมถูกปรับขึ้นประมาณ 4% หนุนโอกาสการปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปีนี้ขึ้นจากเดิมที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 1,600 จุด อย่างไรก็ตาม การปรับเป้าหมายดังกล่าวต้องรอการประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งจะมีความชัดเจนขึ้นเมื่อบริษัทจดทะเบียนมีการประกาศงบไตรมาส 1 ออกมาแล้ว
สำหรับคาดการณ์กำไรเบื้องต้นของตลาดโดยรวมในไตรมาส 1/2564 คาดว่าจะฟื้นตัวก้าวกระโดด 130% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(YoY) และเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) จากฐานกำไรที่ต่ำมากในปีที่แล้ว โดยการเพิ่มขึ้น YoY เป็นผลจากกลุ่ม ENERG และ PETRO ที่ในไตรมาส 1/2563 มีผลขาดทุนรวม 22,000 ล้านบาท และ 3,200 ล้านบาท ตามลำดับ หลักๆ เนื่องจากมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจำนวนมหาศาลจากราคาน้ำมันที่ทิ้งตัวลงแรง แถมยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย ขณะที่การเพิ่มขึ้น QoQ มาจากกลุ่ม TRANS และ TOURISM ที่ในไตรมาส 4/2563 มีผลขาดทุนสูงเกือบ 9.2 หมื่นล้านบาท และ 4,500 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเฉพาะ THAI เพียงตัวเดียวมีผลขาดทุนสูงถึง 9.1 หมื่นล้านบาท
ถึงแม้การขึ้นเครื่องหมาย XD ในเดือน เม.ย. ต่อเนื่องจนถึงกลางเดือน พ.ค. จะกดดัน SET Index ปรับตัวลงโดยปริยาย -12 จุด แต่การศึกษาข้อมูลสถิติหุ้นไทย 10 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2554-2563 พบว่า SET Index เดือน เม.ย. มีโอกาสในการปรับตัวขึ้นสูงถึง 80% และมักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 3.1% และหากคำนึงผลตอบแทนจากเงินปันผล (SET Total Return Index : SET TRI) ยังไม่มีปีใดในเดือน เม.ย. เลยที่ให้ผลตอบแทนรวมเป็นติดลบ หรือแสดงถึงโอกาสในการปรับตัวขึ้น 100% เต็ม ขณะที่ผลตอบแทนรวมเป็นบวกเฉลี่ย +3.9%
ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนติดตามการปรับตัวขึ้นของ Bond Yields และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างใกล้ชิด เพราะอาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนได้ สำหรับหุ้นที่ บล.ทิสโก้แนะนำในเดือนนี้ เน้นหุ้นที่คาดงบจะออกมาดีและมีประเด็นบวกหนุนระยะสั้น แนะนำ AEONTS, DCC, NYT, PTT, ROJNA, TASCO, TPIPL และ TWPC ด้านแนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,570-1,575 และ 1,550-1,555 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1,600-1,620 (หากมาถึงระดับนี้ให้เน้นขายทำกำไร) และ 1,650 จุด ตามลำดับ SET เม.ย.ทะลุ 1,650 จุด ตามลำดับ