“พรีบิลท์” ปลื้มยอดขาย “พรรณนา” กระฉูด เล็งเปิดขายเฟส 2 หลังลูกค้าแห่ซื้อแล้วกว่า 90% กวาดยอดขายกว่า 500 ล้านบาท พร้อมกางแผนเดินหน้าเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่า 1,769 ล้านบาท มั่นใจปี 64 รายได้ฟื้นตัวเทียบช่วงก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด พร้อมโชว์แบ็กล็อกงานก่อสร้างในมือ 8,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้ปีนี้ 4,487 ล้านบาท
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 64 จะเป็นปีที่บริษัทมีรายได้ฟื้นตัวกลับมาเท่ากับช่วงก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไววรัสโควิด-19 โดยมีปัจจัยจากแบ็กล็อกงานก่อสร้างโครงการสะสมในมือมูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 4,487 ล้านบาท เติบโต 13% จากปีก่อน และมีรายได้จากบริษัท PCM คอนสทรัคชัน 445 ล้านบาท เติบโต 2% และมีรายได้จากโครงการที่ยู่อาศัยในแนวราบที่เปิดขายในปี 63 และโครงการที่จะเปิดตัวใหม่ในนี้ 3 โครงการ โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ 772 ล้านบาทเติบโตจากปีที่ผ่านมา 502% จากปี.63
“ในส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้น บริษัททยอยเซ็นสัญญางานก่อสร้างโครงการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญางานก่อสร้างคอนโดมิเนียมวิสดอม ในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และเตรียมเซ็นสัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานในโครงการวันแบงก์คอค มูลค่า 2,000 ล้านบาท เข้ามาเพิ่มอีก 1 โครงการ และอยู่ระหว่างการประมูลงานเพิ่มอีก 4-5 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีแบ็กล็อกงานในมือเข้ามาทดแทนงานเก่าที่ทยอยรับรู้ในปีนี้” นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในปี 64 นี้ พรีบิลท์ มีแผนจะเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มอีก 3 โครงการมูลค่ารวมกว่า 1,769 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ โดยโครงการแรกจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 2 นี้ภายใต้ชื่อโครงการ “พิมนารา” มูลค่า 750 ล้านบาท ส่วนอีก 1โครงการ มูลค่า 433 ล้านบาท จะเปิดตัวปลายปี 64 ส่วนอีก 1 โครงการจะพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ มูลค่า 586 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงใกล้ๆ กัน นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดขายโครงการโครงการพรรณนา ในเฟสที่ 2 หลังจากเปิดขายเฟส 1 ในปีก่อนและได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า โดยสามารถสร้างยอดขายในเฟสแรกไปแล้วกว่า 90% คิดเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 1,250 ล้านบาท โดยปัจจุบันโครงการพรรณนา พุทธมณฑลสาย 3 โครงการบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ราคาเริ่มต้น 15-20 ล้านบาท ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทพรีบิลท์ ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทลูกของ “พรีบิลท์” ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างสูง เตรียมที่จะเปิดขายโครงการในเฟสที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่โครงการประมาณ 20 ไร่ จำนวน 40-50 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท โดยในเฟสที่ 2 นี้จะมีการปรับราคาขายเพิ่มประมาณ 10%
ปัจจัยที่ทำให้ “พรรณนา” ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายมาจากประสบการณ์ของบริษัทแม่ คือ พรีบิลท์ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจก่อสร้างระดับไฮเอนด์มายาวนาน และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำต่างๆ จำนวนมาก ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนและเลือกสิ่งที่ดีและมีคุณค่าที่สุดให้แก่ลูกค้า ทำให้บริษัทพรีบิล์ ดีเวลลอปเม้นท์ สามารถสร้างโครงการที่มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้านมีความคุ้มค่าและแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ในย่านเดียวกัน ทั้งทำเลที่ตั้ง การดีไซน์ฟังก์ชันการใช้งานที่ลงตัว เรียบหรู โปร่งโล่งสบายมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่สวยงามคงทน สามารถส่งต่อรุ่นสู่รุ่นได้อย่างทรงคุณค่าในราคาที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่า.จึงทำให้ลูกค้าที่ได้เข้ามาชมโครงการส่วนใหญ่ตัดสินใจจองซื้อ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริการหลังการขายอย่างเป็นระบบด้วยความใส่ใจและคำนึงถึงเรื่องคุณภาพความปลอดภัย ความรวดเร็วเป็นหลักโดยมีพันธมิตรธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญการดูแลบริหารจัดการหมู่บ้าน บริษัท
ควอลิตี้ พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (QPM) เข้ามาช่วยดูแลในส่วนบริการหลังการขาย และบริษัท ไอเอสเอสฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด (ISS) ดูแลระบบรักษาความปลอดภัยโครงการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีรสนิยมได้ครบในทุกมิติและจะได้รับความพึงพอใจเป็นอย่างมากจากบริการดังกล่าว
“สาเหตุที่พรีบิลท์เลือกทำเลย่านฝั่งธนฯ บนถนนพุทธมณฑลสาย 3 ในการพัฒนาโครงการ เพราะเห็นโอกาสและศักยภาพของพื้นที่ซึ่งราคาที่ดินในย่านนี้มีการขยับตัวสูงขึ้นราว 8-10% ต่อเนื่องทุกปี ทั้งการอยู่อาศัยในทำเลนี้ยังคงความเป็นส่วนตัวและสามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองหรือย่านศูนย์กลางธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 สายใหม่ก่อสร้างเสร็จจะทำให้สามารถเดินทางเข้าใจกลางเมืองได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพื้นที่นี้ยังรายล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตีมอลล์ โรงพยาบาล และสถานศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดัอุดมศึกษา” นายวิโรจน์ กล่าว