หุ้นบริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอดน์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP ทรุดลงทันที หลังจาก นายสารัชถ์ รัตนาวดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF การออกมาปฏิเสธความสนใจลงทุนใน 7UP
ราคาหุ้น 7UP พุ่งทะยานอย่างร้อนแรงตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา จากราคาปิด 52 สตางค์ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ก่อนจากถูกกระชากขึ้นต่อเนื่อง จนปิดที่ 94 สตางค์ ในวันที่ 23 มีนาคม 2564
ภายใน 3 วันทำการ ราคาหุ้น 7UP เพิ่มขึ้น 42 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 80% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่สูงขึ้น จากซื้อขายวันละไม่กี่สิบล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นวันละกว่า 1 พันล้านบาท
ข่าวลือที่กระตุ้นราคาหุ้น ถูกแผนการขยายธุรกิจ รวมทั้งข่าวลือ นายสารัชถ์ จะเข้ามาถือหุ้น 7UP ในสัดส่วน 25% ของทุนจดทะเบียน
การปฏิเสธข่าวลือของนายสารัชถ์ ทำให้หุ้น 7UP ปักหัวลงในทันที โดยวันที่ 24 มีนาคมถูกถล่มขาย ทรุดลงมาปิดที่ 87 สตางค์ ลดลง 7 สตางค์ หรือลดลง 7.45%
7UP มีกลุ่ม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นใหญ่ และเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ ได้รายงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) การได้มาหุ้น 7UP สัดส่วน 3.7185% ของทุนจดทะเบียน ทำให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 8.2267% ของทุนจดทะเบียน
และก่อนหน้าวันที่ 11 มีนาคม บริษัท แอดวานซ์ แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ 7UP รายงานการจำหน่ายหุ้นสัดส่วน 4.8713% ของทุนจดทะเบียน และถือหุ้นเหลืออยู่ 3.7185% ของทุนจดทะเบียน
วันที่ 15 มีนาคม บริษัท พาหนะ อินเวสเตอร์ จำกัด รายงานการได้มาหุ้น 7UP จำนวน 4.0904% ของทุนจดทะเบียน ทำให้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 18.5236% ของทุนจดทะเบียน
7UP ประกอบธุรกิจสถานีบริการแก๊สและน้ำมัน ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2545 โดยเปลี่ยนชื่อมาจาก บมจ.เฟอร์รั่ม (เดิมก่อนหน้านี้ชื่อ บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ MLINK) เมื่อเดือนเมษายน 2561 โดยกลุ่มพุ่มพันธุ์ม่วงเข้ามาถือหุ้นใหญ่
พล.ต.อ.สมยศ ถือเป็นนักลงทุนขาใหญ่ในตลาดหุ้น โดยถือหุ้นใหญ่อยู่หลายบริษัท และซื้อไปขายมาในหุ้นหลายตัว
สำหรับ 7UP ถ้าพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน ไม่มีจุดเด่นมากนัก โดยมีค่าพี/อี เรโชประมาณ 39 เท่า ไม่จ่ายเงินปันผลมาหลายปี แม้จะเริ่มมีผลกำไรจากการดำเนินงานก็ตาม หลังจากก่อนหน้าผลประกอบการขาดทุน
ปี 2560 หุ้น 7UP ขาดทุนสุทธิ 211.19 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุน 79.53 ล้านบาท ปี 2562 กำไรสุทธิ 86.51 ล้านบาท และปี 2563 กำไรสุทธิ 117.44 ล้านบาท
ราคาหุ้นในรอบ 12 เดือน เคยต่ำสุดที่ 29 สตางค์ ถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 1 บาท ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 23 มีนาคม โดยก่อนหน้าราคาหุ้นย่ำฐานอยู่ระหว่าง 40-50 สตางค์เศษมายาวนานหลายเดือน
การจุดพลุเก็งกำไรหุ้น 7UP รอบนี้ ไม่มีข่าวดีสนับสนุนเป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่ข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมาในตลาด กระตุ้นให้แมลงเม่าแห่บินเข้าไปเก็งกำไร และไม่รู้ว่า มีขาใหญ่จุดพลุลากราคาหรือไม่
แต่ข่าวลือผู้ถือหุ้นใหญ่ GULF ปิดฉากลงแล้ว และน่าจะทำให้ 7UP หมดข่าวที่จะกระตุ้นราคาหุ้น ทำให้แมลงเม่าแห่บินออกจากกองไฟ ต่างชิงขายเอาชีวิตรอด จนราคารูดลง
การเก็งกำไรหุ้น 7UP รอบนี้น่าจะปิดฉากลงแล้ว