xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นฟื้นสู่จุดสูงสุดก่อน "โควิด-19" / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น หรือค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยตลาดหุ้นไทยจะพุ่งขึ้นสูงกว่า 40 เท่า แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์สำนักต่างๆ กลับแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะช้อนซื้อหุ้นเก็บ เพราะมองว่าปีนี้ตลาดหุ้นจะฟื้นตัว

ค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยตลาดหุ้นไทยระดับ 40 เท่า ถือว่าสูงมาก และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปี 2532 บางช่วงเวลาค่าพี/อี เรโชเฉลี่ยของตลาดหุ้นเคยพุ่งขึ้นสูงสุดที่ระดับ 38 เท่า ในช่วงที่หุ้นร้อนแรงสุดขีด

ส่วนปลายปี 2544 ค่าพี/อี เรโชเฉลี่ยของตลาดหุ้นเคยต่ำสุดที่ระดับประมาณ 3.55 เท่า ค่าเฉลี่ยของพี/อี เรโช ตลาดหุ้นไทย ตลอด 46 ปี อยู่ที่ประมาณ 10 เท่าเศษ ดังนั้นค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยที่ 40 เท่า จึงสูงมาก และไม่น่าจะสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติ

แต่ต่างชาติกลับทยอยเข้ามาลงทุน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ซื้อหุ้นสุทธิกว่า 2.3 พันล้านบาท

ค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหุ้นที่พุ่งกระฉูด เกิดจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนปี 2563 ชะลอตัวลงกว่า 30% และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI มีผลขาดทุนกว่า 1.41 ล้านบาท ผลักดันให้ค่าพี/อี เรโชเฉลี่ยสูงลิ่ว และอาจส่งผลกระทบต่อความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กลับให้ความสำคัญกับค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหุ้นในอนาคตมากกว่า โดยประเมินว่า ปีนี้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตกว่า 20% และจะดึงให้ค่าพี/อี เรโช ลดลงเหลือประมาณ 20 เท่าเศษเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาสู่ความน่าสนใจ

ถ้าประเมินถึงแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้น หรือในระยะสัปดาห์ หรือมองถึงแนวโน้มระยะปานกลางหรือปลายปีนี้ บรรยากาศการลงทุนมีความสดใสขึ้นเพราะมีข่าวดีสนับสนุนหลายด้าน

การดีดตัวกลับของดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันศุกร์ 572 จุด ขณะที่ราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสพุ่งอีก 2.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือเป็นข่าวดีชิ้นใหญ่ที่จะผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยทะลุผ่าน 1,550 จุด

และถ้าต่างชาติยังทยอยกลับเข้ามาลงทุน ดัชนีหุ้นรอบนี้คงวิ่งไปไกล และมีสิทธิลุ้นดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,600 จุด หรือจุดสูงสุดก่อนเกิดวิกฤต “โควิด-19”

นอกจากนั้น การมี ”วัคซีน”เข้ามาสร้างภูมิคุ้มกันอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก จะทำให้วิกฤตหมดไป การท่องเที่ยวเริ่มฟื้น เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มกระเตื้องขึ้น และจะกระตุ้นให้ตลาดหุ้นกลับมาสู่ความคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง

โบรกเกอร์หลายสำนักเริ่มปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีนี้แล้ว จากเดิมประเมินไว้ที่ระดับ 1,600 จุด ปรับเพิ่มเป็นประมาณ 1,650 จุด โดยให้น้ำหนักการมีวัคซีนเข้ามาช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นเร็วขึ้น

ดัชนีหุ้นติดแนวต้าน 1,550 จุด วิ่งขึ้นมาแล้วไม่ผ่าน ต้องปรับฐานลงหลายรอบแล้ว แต่รอบนี้มีโอกาสฝ่าแนวต้าน 1,550 จุดได้ และลบจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 1,561 ได้ โดยมีสิทธิที่จะลุ้น 1,600 จุดได้อีกด้วย

เพราะข่าวดีเริ่มไหลทะลักเข้ามา ต่างชาติทยอยกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นคืน แนวโน้มหุ้นระยะสั้นและระยะปานกลางสดใส

นักลงทุนรายย่อยที่เก็บสะสมหุ้นไว้เต็มกระเป๋า แบกหุ้นต้นทุนสูงตั้งแต่ปี 2563 และนับจากต้นปี 2564 รวมๆ แล้วกว่า 2 แสนล้านบาท รอบนี้มีโอกาสถอนทุนแถมกำไรกันแล้ว

เพราะมีแนวโน้มพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ก่อน “โควิด-19” ทะลุ 1,600 จุด








กำลังโหลดความคิดเห็น