xs
xsm
sm
md
lg

9 หุ้นดัง SET100 กำไรโต 4 ปีติด!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สิ้นสุดฤดูกาลประกาศงบปี 2563 กันไปแล้ว โดยหุ้นในกลุ่ม SET100 หลายบริษัทยังเติบโตมีกำไรได้ต่อเนื่อง 2 ปี หรือ 3 ปีติดต่อกัน แต่มีเพียง 9 บริษัทเท่านั้นที่สามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มติดต่อกันได้ถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2560-2563 ประกอบด้วย

1.บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. ปี 2560 ทำกำไรได้กว่า 3,174 ล้านบาท ขณะที่ปี 2561 กำไรเพิ่ม 3,359 ล้านบาท ส่วนปี 2562 ยังทำกำไรเพิ่มขึ้นไปอีก 4,060 ล้านบาท และปี 2563 ฝ่าวิกฤิตโควิด-19 ทำกำไรได้ถึง 7,508 ล้านบาท

และถ้าให้เทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 3,447 ล้านบาท หรือ +84.90% ซึ่งกำไรพุ่งมาจากรับรู้ผลประกอบการเต็มปีจาก GLOW ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินลดลง

ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 อยู่ที่ 3,174 ล้านบาท กับล่าสุดปี 2563 อยู่ที่ 7,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,333 ล้านบาท หรือ +136.51% ขณะเดียวกัน รายได้เติบโตขึ้น 4 ปีติดเช่นกัน ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 21,289 ล้านบาท 25,895 ล้านบาท 68,635 ล้านบาท และ 71,908 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคาสิ้นปี 2563 ปิดที่ 73.75 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ +2.37%

2.บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (GUNKUL) ธุรกิจผลิต จัดหา และจำหน่ายอปุกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้า/จําหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งปี 2560 ทำกำไร 635 ล้านบาท ปี 2561 กำไรเพิ่ม 1,090 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 กำไรเพิ่มอีกเท่าตัว 2,147 ล้านบาท และปี 2563 ฝ่ามรสุมทำกำไรได้ทะลุ 3,412 ล้านบาท

ทั้งนี้ ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 1,265 ล้านบาท หรือ +58.92% กำไรจากรายได้จากการก่อสร้างและบริการขยับขึ้น ทำสัญญาก่อสร้างกับรัฐและเอกชน ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 อยู่ที่ 635 ล้านบาท กับล่าสุดปี 2563 อยู่ที่ 3,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,777 ล้านบาท หรือ +437.32%

ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 5,124 ล้านบาท 6,730 ล้านบาท 7,463 ล้านบาท และ 11,047 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคา สิ้นปี 63 ปิดที่ 2.52 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 2.82 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ +11.90%

3.บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ธุรกิจเร่งรัดหนี้-บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ซึ่งปี 2560 กำไร 396 ล้านบาท ปี 2561 กำไร 505 ล้านบาท ปี 2562 กำไร 681 ล้านบาท และปี 2563 กำไร 1,047 ล้านบาท

ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 366 ล้านบาท หรือ +53.74% กำไรจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล และกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้เพิ่มขึ้น ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 60 อยูที่ 396 ล้านบาท ล่าสุดปี 2563 อยูที่ 1,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 651 ล้านบาท หรือ +164.39%

ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 1,361 ล้านบาท 1,885 ล้านบาท 2,550 ล้านบาท และ 3,206 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคาสิ้นปี 2563 ปิดที่ 36.00 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 44.25 บาท เพิ่มขึ้น 8.25 บาท หรือ +22.91%

4.บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ธุรกิจอาหารสัตว์/เลี้ยงสัตว์-แปรรูป/อาหาร (Food) ปี 2560 กำไรอยู่ที่ 15,259 ล้านบาท ปี 2561 กำไรเพิ่ม 15,531 ล้านบาท ปี 62 กำไรขยับไปอีกที่ 18,455 ล้านบาท และปี 2563 กำไรกระโดดไปที่ 26,022 ล้านบาท

ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 7,566 ล้านบาท หรือ +41.00% กำไรมาจากคุมประสิทธิภาพ-ต้นทุนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมการผลิต และช่องทางจำหน่ายสินค้า ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 อยู่ที่ 15,259 ล้านบาท ล่าสุดปี 2563 อยูที่ 26,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,763 ล้านบาท หรือ +70.53%

ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 523,179 ล้านบาท 567,820 ล้านบาท 553,768 ล้านบาท และ 617,038 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคาสิ้นปี 2563 ปิดที่ 26.75 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 29.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ +8.41%

5.บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (CHG) มีสาขาของโรงพยาบาลสถานพยาบาลและคลินิกในกลุ่มรวมทั้งหมด 14 แห่ง ซึ่งปี 2560 มีกำไรอยู่ที่ 565 ล้านบาท ปี 2561 กำไรขยับเพิ่ม 633 ล้านบาท ปี 2562 กำไรเพิ่มขึ้นอีก 705 ล้านบาท และปี 2563 กำไรอยู่ที่ 876 ล้านบาท

ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 171 ล้านบาท หรือ +24.25% กำไรจากรายได้ประกันสังคมมากขึ้นกว่าโรงอื่นๆ บวกกับโรงพยาบาลใหม่ขาดทุนลดลง ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 อยู่ที่ 565 ล้านบาท ล่าสุดปี 2563 อยูที่ 876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311 ล้านบาท หรือ +55.04%

ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 3,896 ล้านบาท 4,430 ล้านบาท 5,190 ล้านบาท และ 5,464 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคา สิ้นปี 2563 ปิดที่ 2.46 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 2.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ +5.69%

6.บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ธุรกิจให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งปี 2560 กำไรอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ปี 2561 กำไรเพิ่ม 3,713 ล้านบาท ปี 2562 กำไรเพิ่ม 4,237 ล้านบาท และ ปี 2563 กำไรเพิ่มไปอีก 5,213 ล้านบาท

ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 976 ล้านบาท หรือ +23.04% (+กำไรจากยอดปล่อยสินเชื่อเติบโตส่งผลให้รายได้-กำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 60 อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ล่าสุดปี 2563 อยูที่ 5,213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,713 ล้านบาท หรือ +108.52%

ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปีเพิ่มต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 7,470 ล้านบาท 10,416 ล้านบาท 12,687 ล้านบาท และ14,768 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคาสิ้นปี 2563 ปิดที่ 59.00 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 70.25 บาท เพิ่มขึ้น 11.25 บาท หรือ +19.07%

7.บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ธุรกิจจำหน่ายสินค้าไอที คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งปี 2560 กำไรอยูที่ 608 ล้านบาท ปี 2561 กำไร 891 ล้านบาท ปี 2562 กำไรเพิ่ม 1,216 ล้านบาท และปี 2563 กำไรเพิ่มขึ้นมาอีก 1,490 ล้านบาท

ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 274 ล้านบาท หรือ +22.60% กำไรจากยอดขายที่สูงขึ้นจากช่องทางออฟไลน์ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน 5G รุ่นใหม่ ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 อยู่ที่ 608 ล้านบาท ล่าสุดปี 2563 อยู่ที่ 1,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 882 ล้านบาท หรือ +145.06%

ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 22,584 ล้านบาท 27,982 ล้านบาท 33,428 ล้านบาท และ 37,458 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 39.00 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 55.50 บาท เพิ่มขึ้น 16.50 บาท หรือ +42.31%

8.บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อย ซึ่งปี 2560 ทำกำไรอยู่ที่ 2,666 ล้านบาท ปี 2561 กำไรเพิ่ม 2,768 ล้านบาท ปี 2562 กำไร 3,756 ล้านบาท และปี 2563 กำไรเพิ่มขึ้นอีก 4,508 ล้านบาท

ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 752 ล้านบาท หรือ +20.02% กำไรจากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ ผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 อยู่ที่ 2,666 ล้านบาท ล่าสุดปี 2563 อยู่ที่ 4,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,842 ล้านบาท หรือ +69.09%

ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 6,998 ล้านบาท 7,881 ล้านบาท 9,793 ล้านบาท และ 10,993 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 65.75 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 77.50 บาท เพิ่มขึ้น 11.75 บาท หรือ +17.87%

9.บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) มีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 12 แห่ง และโพลีคลินิก 1 แห่ง ซึ่งปี 2560 กำไรอยู่ที่ 917 ล้านบาท ปี 2561 กำไร 1,089 ล้านบาท ปี 2562 กำไร 1,134 ล้านบาท และ ปี 63 กำไร 1,229 ล้านบาท

ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 95 ล้านบาท หรือ +8.38% กำไรจากรับรู้รายได้จาการตั้งเบิกกาารตรวจคัดกรองโควิด-19 จากประกันสังคม ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 อยู่ที่ 917 ล้านบาท ล่าสุดปี 2563 อยู่ที่ 1,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 312 ล้านบาท หรือ +34.02%

ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 7,362 ล้านบาท 8,185 ล้านบาท 8,998 ล้านบาท และ 9,024 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการด้านราคา สิ้นปี 63 ปิดที่ 13.60 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 14.50บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ +6.62%

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า 9 หุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่ผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง รวมไปถึงผลประกอบการด้านราคาในปี 2564 นี้ผ่านไป 2 เดือนเศษ ทำผลงานบวกกันทุกหลักทรัพย์


กำลังโหลดความคิดเห็น