บอร์ด "ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย" ไฟเขียวทุ่มงบ 146.82 ล้านบาท ลงทุนโครงการโซลาร์สหกรณ์ฯ จังหวัดอุดรธานี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ จ่อรับรู้รายได้ทันที ฟากผู้บริหาร “นายพรอินทร์” มั่นใจแนวโน้มผลงานปี 64 เข้าสู่โหมดการเติบโตรอบใหม่ คาดงบพลิกกลับมามีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/64 โปรเจกต์โซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 46.7 MW ช่วยหนุน
นายพรอินทร์ แม้นมาลัย กรรมการบริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (UPA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 25 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้บริษัท พาราโบลิก โซลาร์ พาวเวอร์ จากัด (PSP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าซื้อขายหุ้นของบริษัท บีเอสโซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด จำนวน 629,997 หุ้น ในมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท จากบริษัท บางจักรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท บีเอส โซลาร์ ในราคา 233.05 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่า 146.82 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท บีเอส โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 1 โครงการ ในจังหวัดอุดรธานี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ โดยเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายติดตั้งให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี มีอัตราการรับซื้อไฟฟ้า (FiT) ที่ 4.12 บาทต่อหน่วย ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา
สำหรับการเข้าไปลงทุนในครั้งนี้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญในการขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว โดยธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจ ขณะที่โครงการดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว และเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2561 ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ และกำไรได้ทันทีภายหลังการลงทุน อีกทั้งยังมีสัญญาขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคระยะเวลาขายไฟฟ้า 25 ปี
“การเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดอุดรธานีในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้แนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง จากโครงการโซลาร์สหกรณ์ในประเทศไทยที่มีในมืออยู่ 7.95 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม 46.7 เมกะวัตต์ ซึ่งเรายังคงมองหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตให้แก่ธุรกิจ” นายพรอินทร์ กล่าว
นายพรอินทร์ กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2564 เตรียมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงโครงการต่างๆ ในกลุ่มประเทศ CLMV ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตให้แก่ธุรกิจ และมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/64 เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม 46.7 เมกะวัตต์ ที่รับรู้เต็มปี รวมกับงานโซลาร์สหกรณ์ในประเทศไทยที่มีอยู่ 7.95 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตน้ำประปาใน สปป.ลาว
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 200 เมกะวัตต์ ที่พม่า คาดว่าจะเป็นโครงการที่สนับสนุนรายได้ของ UPA ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2567 อีกทั้งยังมีโครงการ One Central Tower ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพในพนมเปญ พร้อมพัฒนาโครงการอสังหาฯ ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอีกด้วย