xs
xsm
sm
md
lg

DOD กำไรพุ่ง 300.40% เดินหน้าตั้งโรงงานสกัดสาร CBD จากกัญชง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดีโอดี ไบโอเทค เผยงบปี 63 มีกำไรจากการดำเนินงานจากงบการเงินรวม 321.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300.40% ขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 1,611.20 ล้านบาท เติบโต 103.97% รับอานิสงส์ดีมานด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเติบโต ด้าน CEO การันตีความแกร่งผลงานปี 64 โตต่อเนื่อง จ่อรับรู้รายได้จากออเดอร์กลุ่มผลิตภัณฑ์โพรไบโอติก พร้อมส่งซิกข่าวดีเรื่องกัญชง คาดได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์มี.ค.นี้ เตรียมยื่นขอใบอนุญาตจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ และตั้งโรงงานสกัดสาร CBD
นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2563 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,611.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 821.28 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 103.97 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 789.92 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และธุรกิจเครือข่ายที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในหลายรูปแบบ เช่่น รูปแบบผง แคปซูล ตอกเม็ด เจลและเยลลี่ และซอฟต์เจลในรูปแบบที่เคี้ยวทั้งเมล็ด เป็นต้น ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคได้ทันที

พร้อมกันนี้ ด้วยกลยุทธ์เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลในปี 2563 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 321.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 240.96 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 300.40 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 80.21 ล้านบาท แต่กลุ่มบริษัทฯ มีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ จำนวน 128.30 ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มิใช่เงินสด อันเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อรองรับกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากสภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ ยังคงมีผลกำไรส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 141.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 54.53 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 62.89

จากความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการนำนวัตกรรมงานด้านวิจัยมาผสมผสานกับงานด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อยกระดับกระบวนการผลิตในทุกๆ มิติ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสกัดจากสมุนไพรไทยที่ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมของกลุ่มบริโภคคนรุ่นใหม่หันมาใช้เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธ์ศาสตร์ของบริษัทฯ ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่ใช้สารสกัดจากสมุนไพรไทยโดยเล็งเห็นว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีจำนวนมากขึ้นในทุกๆ ปี เพื่อสอดรับกับการยกระดับเมกะเทรนด์เพื่อสุขภาพ
ส่วนทิศทางธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการเติบโตของ DOD เนื่องจากจะมียอดคำสั่งซื้อในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีความหลากหลายจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทฯ ยังมีออเดอร์ในส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ กลุ่มโพรไบโอติก รูปแบบเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิต (Active) เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นจะเริ่มทยอยส่งมอบสินค้า และรับรู้รายได้ของกำลังการผลิตเฟสแรกในช่วงไตรมาส 1 เป็นต้นไป โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มโพรไบโอติก ในเฟสแรกจะเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทผงในซองขนาดเล็ก 3 กรัม พร้อมรับประทาน มีกำลังการผลิตอย่างน้อย 1 ล้านซองต่อเดือน คาดเป็นส่วนผลักดันรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 ล้านบาทต่อปี และหลังจากนั้นก็จะพิจารณาขยายการผลิตเพิ่มมากขึ้น และมีแนวทางเพิ่มผลิตภัณฑ์ประเภทแคปซูลในเฟสถัดไป

พร้อมทั้งยังได้กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศหลักเกณฑ์และออกใบอนุญาตให้เอกชนสามารถนำน้ำมันจากเมล็ดกัญชงมาใช้ในอาหารได้ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ออกกฎหมายให้เอกชนนำน้ำมันจากเมล็ดกัญชงมาใช้ในเครื่องสำอางแล้ว ซึ่งจะทำให้เอกชนสามารถนำน้ำมันจากเมล็ดกัญชงไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DOD กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการยื่นคำขอรับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์ในช่วงที่ผ่านมา เบื้องต้นคาดว่าช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ บริษัทฯ จะได้รับใบอนุญาตในการนำเข้าเมล็ดอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นคำขอรับใบอนุญาตจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับใบอนุญาตผลิต (ปลูก) รวมถึงเตรียมยื่นขอใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง กับ อย. เป็นลำดับต่อไป

ทั้งนี้ จากจุดแข็งและข้อได้เปรียบของบริษัทฯ ที่มีความพร้อมในเรื่องของโรงสกัด และห้องปฏิบัติการ (LAB) ซึ่งผ่านการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 จากสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงยังได้การรับรองมาตรฐาน ISO22000:2018 (ระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร) และ ISO14001:2015 (ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม) และมีทีมวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ของบริษัทเองที่คอยค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาสารสกัดพืชสมุนไพร รวมถึงการพัฒนากระบวนการสกัด ออกแบบผลิตภัณฑ์ ทำให้ล่าสุดมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ บริษัทเอกชนอื่นๆ กว่า 20 ราย เข้ามาหารือร่วมกันเพื่อพัฒนาและคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในเร็วๆ นี้จะเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (MOU) กับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวในเร็วๆ นี้

“หากบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตครบตามที่ยื่นขอ และสามารถผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชงเชิงพาณิชย์ตามความต้องการของลูกค้าได้ตามที่วางแผนไว้ จะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความพร้อมของศักยภาพความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำในการผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชงได้แบบครบวงจร ที่สำคัญจะส่งผลให้รายได้บริษัทฯเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต” นายธนิน กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น